สำหรับแนวทางการสืบสวนคลี่คลายคดี ผกก. สภ.หัวหิน เปิดเผยว่า
จากการตรวจที่เกิดเหตุพบถุงของชำร่วยตกอยู่คาดว่าเป็นของคนร้ายทำหล่นไว้ จึงติดตามหาแหล่งที่มาจนพบว่ามีการสั่งทำที่ร้านแห่งหนึ่งในเขตหัวหิน และได้เรียกเจ้าของของชำร่วยดังกล่าวมาสอบสวน ขณะเดียวกันได้ตรวจยึดรถเก๋งนิสสันเทียน่า สีบรอนซ์ทอง ลักษณะตรงกับรถของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุอุ้มฆ่าผู้ตายทั้งสอง นำมาตรวจสอบได้หลักฐานหลายประการ
เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ จนสรุปได้ว่า
กลุ่มคนร้ายคดีนี้มี 3 คน คือนายธรรมมะ และนายสมศักดิ์ ที่ศาลออกหมายจับไปแล้ว เป็นคนลงมือลากผู้ตายทั้งสองไปจากร้านปะยาง ส่วนอีกคนชื่อนายรัตน์ ไม่ทราบนาม สกุล อายุประมาณ 30 ปี เป็นคนขับรถ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป เบื้องต้นทราบว่ามีเพียงนายเอกชัย หนึ่งในผู้ตายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเป้าหมายในการอุ้มฆ่า ส่วนนายนฤเบศผู้ตายอีกคนเป็นลูกค้าที่เข้ามาปะยางพอดี จึงเคราะห์ร้ายถูกอุ้มฆ่าไปด้วยกัน
ส่วนชนวนเหตุสังหารโหดทราบว่า
เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา นายธรรมมะ ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการทหารยศ จ.ส.อ. สังกัดค่ายทหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่ลาออกเมื่อต้นปี 50 มาช่วยภรรยาขายกวยจั๊บในหมู่บ้านบ่อนไก่ เขตเทศบาลเมืองหัวหิน ได้รับแจ้งจากลูกน้องในร้านตัวเองว่า ถูกกลุ่มของนายเอกชัย ลูกจ้างร้านปะยาง รุมทำร้ายที่คันคลองชลประทานจนสะบักสะบอม ทำให้นายธรรมมะ โกรธแค้นแทน จึงชักชวนนายสมศักดิ์ คนขับรถยนต์รับจ้างคิวสถานีรถไฟหัวหิน และนายรัตน์ เพื่อนสนิท วางแผนอุ้มตัวนายเอกชัย ไปรุมซ้อมสั่งสอน โดยก่อนก่อเหตุพากันไปนั่งดื่มเหล้าย้อมใจที่ร้านอาหารริมทางรถไฟ จากนั้นขับรถเก๋งสีบรอนซ์ทองไปร้านปะยางที่นายเอกชัย ทำงานอยู่ บุกเข้าไปจับตัวใช้กุญแจมือล็อก แต่ขณะนั้นนายนฤเบศ ผู้ตายอีกคนที่นั่งรอปะยางรถ จยย.เห็นเหตุการณ์ จึงถูกอุ้มขึ้นรถไปด้วยกัน พาไปรุมซ้อมตรงจุดที่พบศพมีร่องรอยการต่อสู้เป็นบริเวณกว้าง คาดว่าด้วยความเมามายประกอบกับความโกรธแค้นอย่างไม่มีสติ และผู้ตายทั้งสองพยายามฮึดสู้ นายธรรมมะจึงชักปืนออกมาจ่อยิงหัวฆ่าทิ้งอย่างเหี้ยมโหด 2 ศพ สยองดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.วิทัศน์ บริรักษ์ รอง ผกก.ป.สภ.หัวหิน กล่าวว่า
พฤติกรรมของคนร้ายพยายามเลียนแบบการทำงานของตำรวจ เพื่อพรางไม่ให้ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ สงสัย โดยนายธรรมมะ ใช้ความที่เคยเป็นทหารวางแผนก่อเหตุอำพรางคดี แต่พลาดท่าทำถุงของชำร่วยงานแต่งงานตกไว้เป็นกุญแจดอกสำคัญที่ตำรวจใช้ไขปริศนาคลี่คลายคดีได้ในที่สุด สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนทราบว่าอยู่ระหว่างหลบหนีออกนอกพื้นที่ ได้ประสานงานกับตำรวจชุดเฉพาะกิจ บก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตำรวจสืบสวนภาค 7 รวมทั้งตำรวจกองปราบปราม ระดมกำลังออกตามล่าตัวแล้ว คาดว่าไม่น่าจะเกิน 2 วันคงสามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้