เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 30 มี.ค. ร.ต.ท.กอบชัย ศิริศรีจันทร์ ร้อยเวร สภ.น้ำเพียงดิน อ.เมืองแม่ฮ่องสอน
รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตในเขตป่าบ้านหัวน้ำแม่สะกึ้ต หมู่ 1 ต.ผาบ่อง จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิบรรเทาสาธารณภัยแม่ฮ่องสอน พบศพผู้เสียชีวิตญาติๆได้ช่วยกันนำออกมาจากป่ามาไว้ที่บริเวณโบสถ์คริสต์ภายในหมู่บ้านก่อนหน้าแล้วทราบชื่อ ด.ช.วรกันต์ ตุ้มเจริญ อายุ 13 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 บ้านหัวน้ำแม่สะกึ้ต หมู่ 10 ต.ผาบ่อง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนแก๊ปบริเวณชายโครงขวา 1 นัด เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 ชม.
ระหว่างชันสูตรศพได้มีนายปิติ ตุ้มเจริญ อายุ 57 ปี เดินคอตกเข้าพบตำรวจแจ้งให้ทราบว่า เป็นคนทำปืนลั่นใส่ ด.ช.วรกันต์เสียชีวิต
ตำรวจควบคุมตัวไปสอบสวนที่โรงพัก นายปิติให้การว่า มีศักดิ์เป็นปู่ของ ด.ช.วรกันต์ พักอยู่บ้านเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา ชักชวนหลานชายออกจากบ้านไปหาของป่าในเขตป่าห่างจากบ้านประมาณ 6 กม. โดยนำปืนแก๊ปแบบไทยประดิษฐ์ติดตัวไปด้วยไว้ป้องกันสัตว์ป่าทำร้าย หลังเก็บของป่าได้เป็นที่พอใจแล้วจึงพากันเดินทางกลับ ด.ช.วรกันต์ถือไฟส่องทางเดินนำหน้า ส่วนตนถือปืนแก๊ปเดินตามหลัง ระหว่างทางจู่ๆปืนแก๊ปในมือเกิดลั่นโป้งขึ้นมา กระสุนเจาะชายโครงขวาหลานชายล้มลงร้องครวญครางเลือดไหลไม่หยุด
นายปิติให้การอีกว่า ด้วยความตกใจพยายามอุ้ม ร่างหลานชายขึ้นบ่าแบกออกจากป่า แต่ไม่มีเรี่ยวแรง
ตัดสินใจทิ้งหลานชายไว้ในป่าคนเดียว จากนั้นรีบกลับเข้าหมู่บ้านตามนายวิชัย ตุ้มเจริญ พ่อของ ด.ช.วรกันต์ และญาติพี่น้องย้อนกลับไปช่วยเหลือ แต่เนื่องจากพื้นที่เป็นป่าเขา ทำให้ต้องใช้เวลาเดินเท้านานกว่า 3 ชม. เมื่อไปถึงพบว่า ด.ช.วรกันต์อยู่ในสภาพหมดสตินอนหายใจรวยรินจากการเสียเลือดมาก และเสียชีวิตระหว่างช่วยกันหามออกจากป่า นำศพไปเก็บไว้ที่โบสถ์คริสต์ก่อนจะแจ้งให้ตำรวจทราบ หลังสอบปากคำตำรวจแจ้งข้อหานายปิติพร้อมควบคุมตัวดำเนินคดี