ที่ สน.ประชาชื่น เวลา 09.00 น. วันที่ 13 มี.ค. พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.น.2
พร้อมด้วย พ.ต.อ. เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง พล.ต.ต.วรศักดิ์เปิดเผยว่า กำชับให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนออกปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม ทุ่มเททำงานเช่นเดิม เนื่องจากเป็นช่วงระดมกำลัง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมจะใช้ความโปร่งใสสอบสวนทั้ง 2 ฝ่าย ผิดก็ว่าไปตามผิด หากฝ่ายไหนมีพยานก็สามารถนำมาสอบปากคำเพิ่มเติมได้ทั้งนั้น ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ทำงานเพียงฝ่ายเดียว มีฝ่ายทหารเข้ามาร่วมทำงานด้วยตั้งแต่เริ่มต้น และจะเร่งทำให้เร็วที่สุด สำหรับเรื่องที่มีคนโทรศัพท์ขู่วางระเบิด สน.ประชาชื่นนั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีชายลึกลับโทรศัพท์เข้ามาข่มขู่วางระเบิด สน.ประชาชื่น หลายครั้ง
กระทั่งเช้าวันเดียวกัน ยังมีการโทร.เข้ามาขู่อีก 3 ครั้ง มี จ.ส.ต.นที ชูอรรณ เจ้าหน้าที่เปรียบเทียบปรับเป็นผู้รับสาย เสียงของชายคนดังกล่าวได้ประกาศขู่ว่า “เพื่อนมึงทำพวกกูตาย พวกมึงตายแน่ กูจะวางระเบิดโรงพักมึง” จากนั้นได้วางสายไป ทำให้ พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพิพัฒน์ ผกก.สน.ประชาชื่น ต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายตรวจตราดูแลความเรียบร้อยทั้งภายในและด้านนอกโรงพักอย่างละเอียดเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจมีผู้ไม่หวังดีอาศัยสถานการณ์ก่อเหตุ
ด้านนางจารุชา จองพิทักษ์พงษ์ อายุ 35 ปี
ภรรยาของ จ.ส.ต.ปรวิศร์ จองพิทักษ์พงษ์ ผบ.หมู่ งานสืบสวน สน.ประชาชื่น ที่ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับ ส.ต.อ.ประสาท จันทิมา ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอคำปรึกษาในการยื่นขอประกันตัวสามี เนื่องจาก จ.ส.ต.ปรวิศร์ ป่วยเป็นโรคหัวใจ โดยนางจารุชาเปิดเผยว่า สามีป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ระบบไหลเวียนเลือดไม่ปกติ ต้องเข้าผ่าตัดและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ หลังจากนั้นต้องกินยามาตลอดเพื่อควบคุมความดันไม่ให้ผิดปกติ แพทย์ยังนัดตรวจทุกเดือน เดือนละครั้ง ซึ่งวันที่ 13 มี.ค. เป็นวันที่แพทย์นัดตรวจครั้งที่ 3 จึงนำหลักฐานมาขอคำปรึกษาจากพนักงานสอบสวนใช้ยื่นคำร้องขอประกันตัวสามีที่ชั้นศาล เพราะต้องกินยาทุกวัน หากไม่ไปพบแพทย์ก็อาจจะเป็นอันตรายได้
ต่อมา พล.ต.ต.จุตติ ธรรมโนวานิช รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนให้สัมภาษณ์ว่า
สำหรับคลิปวีดิโอที่มีพลเมืองดีถ่ายไว้ได้นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เห็น ถ้ามีจริงจะขอให้ผู้ที่มีไว้นำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ส่วนเรื่องที่มีผู้ไม่หวังดีโทรศัพท์ ขู่วางระเบิดที่โรงพักนั้นยังไม่ทราบเรื่อง แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เพราะไม่ได้ขัดแย้งกัน ทุกอย่างทำตามขั้นตอนของกฎหมายอยู่แล้ว ทางทหารก็ไม่ได้ตำหนิเกี่ยวกับรูปคดีแต่อย่างใด ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไรกัน เพราะพูดคุยกันตลอด ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด โดยจะนำพยานหลายๆ ส่วนมาประกอบกัน ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนที่ยิงกันเกิดขึ้น แบ่งเป็น 2 ตอน ตอนแรก คือช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปจับกุมพ่อค้าซีดีเถื่อนในตลาด ช่วงที่ 2 เป็นช่วงที่เกิดเหตุยิงกันเพื่อนำไปประกอบรวมกัน เนื่องจากคนคนเดียวกันคงจะไม่เห็นเหตุการณ์ได้ตลอดทั้งหมด คดีนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ผู้ตายเป็นทหาร มีเรื่องกระทบทางด้านจิตใจมากกว่า ส่วนเรื่องที่ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ เป็นการวิพากษ์วิจารณ์กันไปของคนบางคนเท่านั้น