เหตุเฮลิคอปเตอร์ตกกลางหุบเขา ในเขตราเมแชปห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางตะวันออกประมาณ 200 กิโลเมตรครั้งนี้
เกิดขึ้นท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้าย เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว ซึ่งผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตทั้งลำ บรรทุกเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ 4 คน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธซึ่งเป็นชาวเกาหลีใต้ ชาวอินโดนีเซีย ชาวแกมเบีย และ ชาวสวีเดน นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่สหประชาชาติชาวเนปาล อีก 3 คน ส่วนนักบิน และลูกเรือ เป็นชาวรัสเซีย รวม 3 คน
เฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะเดินทางกลับเมืองหลวงจากการเดินทางเยือนค่ายของอดีตกบฏนิยมลัทธิเหมา ทางตะวันออกของประเทศ
หลังจากที่อดีตกบฏเหมาเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพ เฮลิคอปเตอร์หน่วยกู้ภัยของเนปาล สามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุแล้วเมื่อเช้าวันอังคาร หลังจากหมอกเบาบาง นายโมดราช โดเตล เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่พบ 12 ศพไหม้เกรียมจนจำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้โดยสารบนเครื่อง ยังไม่สามารถยืนยันได้ทันที
นายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้แสดงความเสียใจต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ซึ่งตำรวจท้องถิ่นกล่าวว่าอาจเกิดจากมีฝนตก ลมแรง และทัศนวิสัยไม่ดี
ส่วนกองกำลังรักษาความมั่นคงของเนปาลและเจ้าหน้าที่ตรวจสอบของยูเอ็น พร้อมผู้เชี่ยวชาญและวิศวกร เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ เพื่อค้นหาสาเหตุเครื่องบินตก ประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ กล่าวกับตำรวจว่า พวกเขาเห็นเฮลิคอปเตอร์เกิดไฟลุกท่วมก่อนประสบอุบัติเหตุตก แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ขณะเกิดอุบัติเหตุสภาพอากาศเลวร้ายมาก.