เมื่อแยกตามสาเหตุพบว่า เกิดจากอุบัติเหตุการขนส่งสูงอันดับ 1 ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้บาดเจ็บ และเป็นเหตุให้เสียชีวิตเกือบร้อยละ 60
มีรายงานบาดเจ็บทั้งหมด 9,840 รายเสียชีวิต 334 ราย รองลงมาคือ อุบัติเหตุจากการพลัดตก หกล้ม เจ็บทั้งหมด 7,297 ราย เสียชีวิต 20 ราย และถูกสิ่งของหล่นทับ บาดเจ็บ 4,775 ราย เสียชีวิต 24 รายวัยรุ่นที่บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว กำลังเรียนในสถาบันศึกษาร้อยละ 77
พาหนะที่เป็นต้นเหตุอันดับ 1 ได้แก่
รถจักรยานยนต์ พบร้อยละ 70 รองลงมาคือรถจักรยานและสามล้อ ร้อยละ 19 รถกระบะหรือรถตู้ ร้อยละ 6 รถอีแต๋น ร้อยละ 1อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมักเกิดในวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงเวลา 16.00-23.59 น. โดยเกิดในวันเสาร์-อาทิตย์ ร้อยละ 30ลักษณะการเกิดอุบัติเหตุ เกิดจากการชนกันและขับล้มหรือคว่ำเอง ในสัดส่วนครึ่งต่อครึ่งใกล้เคียงกัน ทั้งนี้สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในกลุ่มวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปี ก็คือการดื่มแล้วขับ โดยผู้บาดเจ็บร้อยละ 97 ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนขับและไม่สวมหมวกนิรภัยมากถึงร้อยละ 95 เมื่อเกิดอุบัติเหตุจึงทำให้บาดเจ็บรุนแรง
ทางด้านนายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า
ประเด็นที่น่าสนใจที่จะต้องอาศัยความร่วมมือแก้ไขมากขึ้นคือการดื่มสุราของวัยรุ่น เนื่องจากสถิติครั้งนี้ระบุชัดเจนว่า สุราเป็นตัวการเกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บและเสียชีวิตรวมทั้งมีการควบคุมพฤติกรรมการไม่สวมหมวกนิรภัย และควรมีการเผยแพร่ข้อมูลอุบัติเหตุการขนส่งให้ประชาชนทราบตามสถานีตำรวจจะทำให้ประชาชนตระหนักในการขับขี่มากขึ้น ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังการบาดเจ็บรุนแรงในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15ปีครั้งเดียวกันนี้ ยังพบว่าวัยรุ่นถูกทำร้ายร่างกาย จนต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลประจำจังหวัดขนาดใหญ่ทั่วประเทศ 29 แห่ง ในปี 2549 จำนวน 549 ราย โดยร้อยละ 75 อายุ 10-14 ปีและเสียชีวิต 14 ราย โดยเหตุเกิดที่บ้านมากที่สุด ร้อยละ 38 รองลงมาคือบนถนน ร้อยละ 20 สถานศึกษาร้อยละ 14 เป็นเพศหญิงมากกกว่าชายในอัตรา 4 ต่อ 1เหตุเกิดในวันอาทิตย์มากที่สุดร้อยละ 18 ลักษณะการทำร้าย มักใช้วัตถุไม่มีคม ร้อยละ 24 รองลงมาคือ ใช้วัตถุมีคม ร้อยละ 20 ทำร้ายโดยใช้กำลังกาย ร้อยละ 20และใช้อาวุธปืน ร้อยละ 18