แฉเหนือ-อีสานต้มเหล้าขายเกลื่อน

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข

กล่าวถึงนโยบายการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ในความเห็นส่วนตัว มองว่าการยิ่งจำกัดเวลาก็ยิ่งขายดี การห้ามโฆษณาเหล้า ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคนจะดื่มเหล้าลดลง จะโฆษณาหลังสี่ทุ่มหรือหลังเที่ยงคืนก็ไม่มีความหมาย อย่ามองว่าจะได้ผลเช่นนั้น การทำธุรกิจ เมื่อธุรกิจยิ่งใหญ่ก็สามารถเก็บภาษีได้มากโดยออกมาในรูปนำเงินไปสร้างโฆษณาก็เป็นการสร้างงานให้มากขึ้น

"หากโฆษณาแล้วคนเชื่อ ผมคงรวยไปแล้ว เพราะผมจะโฆษณาบ้างว่าใช้ไม้จิ้มฟันของผมแล้วไม่ต้องแปรงสีฟันคนจะเชื่อไหม ใช้เขี่ยๆฟันก็สะอาดเลย ส่วนการควบคุมโฆษณาเหล้าของเก่าก็ถือว่าดีอยู่แล้ว เพราะผมนอนตั้งแต่หัวค่ำ ก็ไม่เคยเห็นโฆษณาพวกนี้นัก" นายไชยากล่าว

นายไชยา กล่าวต่อว่า สิ่งที่สำคัญ คือมีการร้องเรียนมาเยอะมากว่า ในต่างจังหวัดแถวภาคอีสานและภาคเหนือพบว่ามีการต้มกลั่นเหล้าเอง

ซึ่งเห็นแล้วก็ตกใจ เพราะเป็นการต้มเหล้าที่ไม่รู้ว่าใส่สารอะไร จึงกินแล้วเมาเร็วมาก โดยลักษณะที่พบว่าเป็นการนำเหล้าใส่ไว้ในถุงปล่อยปลาขนาดใหญ่บรรทุกไว้เต็มรถ ขายในราคาถูก เพียง 5- 8 บาท แต่ไม่มีการจัดเก็บภาษี และขายดีอีกด้วย ดังนั้นคงจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และส่งผลต่อการรักษาบัตรทองด้วย

"ผมมีเอกสารหนาเป็นปึก คราวนี้จะทำงานเชิงบุกเพื่อป้องกันและเฝ้าระวังโรค ที่ผ่านมาเป็นการตั้งรับเท่านั้น ผมจะออกตรวจโรงงานสุรา โดยเฉพาะเรื่องของมาตรฐาน เพราะพบเยอะมากว่า มีเหล้าที่มาแบบโอท็อปแต่ไม่ใช่โอท็อป เห็นรูปแล้วจะตกใจ ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในต่างจังหวัด เป็นเพราะเหล้าตัวนี้เยอะ" นายไชยากล่าว


ด้านน.พ.บัณฑิต ศรไพศาล ผอ.ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา กล่าวว่า

การผลักดันพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.2551 แต่จะต้องมีการออกกฎกระทรวงเพื่อให้มีแนวทางที่ชัดเจนในการปฏิบัติ โดยเฉพาะเงื่อนไขเวลาที่สามารถโฆษณาได้ โดยเครือข่ายเหล้าฯ จะมีการหารือ และทำหนังสือถึงรมว.สธ.เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อดูแลเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ พร้อมทั้งเป็นผู้ที่ออกกฎกระทรวง

น.พ.บัณฑิต กล่าวต่อว่า การห้ามจำหน่ายหรือสถานที่ห้ามดื่มสามารถดำเนินการได้ทันที

ขณะที่เรื่องฉลาก คำเตือน โลโก้ เวลาในการโฆษณาต้องออกกฎกระทรวง โดยทำการชี้แจงและสร้างความเข้าใจชัดเจน โดยการกำหนดเวลาในการควบคุมโฆษณาจะต้องไม่ต่ำกว่าปัจจุบัน ซึ่งเดิมห้ามโฆษณาตั้งแต่ 05.00-22.00 น. โดยมีการเสนอให้ห้ามโฆษณาตั้งแต่ 05.00 น.- 24.00 น. รวมทั้งกรณีที่มีการตีความเข้าข้างธุรกิจ โดยให้โฆษณาภาพลักษณ์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ห้ามโฆษณาเชิญชวนตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งตรงนี้ยังมีความไม่ชัดเจน

"จะแย่มาก ถ้าปล่อยให้มีการโฆษณาภาพลักษณ์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะส่งผลกระทบต่อเด็กโดยตรง ที่ผ่านมามีโฆษณาหลายตัวที่สร้างภาพลักษณ์และความประทับใจให้กับเด็ก หรือการนำผ้าห่มไปแจกในต่างจังหวัด เป็นการสร้างบุญคุณ สร้างความรู้สึกว่าบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทที่ดี ที่ทำเพื่อสังคม และเมื่อเด็กโตขึ้นก็จะซื้อแอลกอฮอล์ยี่ห้อนั้นตอบแทน"
น.พ.บัณฑิตกล่าว

น.พ.บัณฑิตกล่าวด้วยว่า ภาวนาให้รัฐบาลชุดนี้มีเจตนารมณ์ที่จะควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

โดยตระหนักถึงผลจากการโฆษณาสินค้าประเภทนี้ เพราะหากมีการตีความใหม่แล้วเข้าข้างธุรกิจ ปัญหานี้อาจสั่นคลอนรัฐบาล เพราะหากโกยแล้วโกยอีกก็ล่ม เพราะทุกอย่างมีกฎแห่งกรรม น.พ.บัณฑิต กล่าวต่อว่า ปัญหาเหล้าเถื่อนมีอยู่แล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าขณะนี้มีปัญหาเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตามมีการสนับสนุนทุนให้อาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเป็นผู้ศึกษาเรื่องเหล้าชุมชน ซึ่งอยู่ระหว่างการทำวิจัยว่ามีสิ่งปนเปื้อนใดหรือไม่ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ โดยสิ้นสุดโครงการวิจัยในช่วงปลายปีนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีการตรวจพบว่า ในเหล้ามียาฆ่าแมลงปนเปื้อนซึ่งยาฆ่าแมลงมีฤทธิ์ทำให้เมาเร็ว ซึ่งปกติสุรามีโทษต่อร่างกายอยู่แล้ว แต่เมื่อใส่ยาฆ่าแมลงลงจะมีฤทธิ์ในการทำลายสมอง


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์