กุเรื่องถูกเรียงคิว แหม่มแสบ แจ้งตร.-ป่วนพัทยา

แหม่มสาวออสซี่ทำพัทยาป่วน ร่ำไห้ขึ้นโรงพักแจ้งความถูก 3 ทรชนเรียงคิวขืนใจ แล้วมีพลเมืองดีช่วยพาส่งร.พ.ก่อนมาโรงพัก

แต่หลังตร.ใช้ล่าม 6 คนสอบอย่างละเอียดกว่า 8 ช.ม. แหม่มผู้เสียหายกลับให้การวกไปวนมา เล่าเหตุการณ์ให้ล่ามแต่ละคนฟังไม่ตรงกัน สุดท้ายอ้างต้องรีบกลับญี่ปุ่นประเทศที่ทำงานอยู่ ตร.ระดมกำลังออกสืบสวนสอบสวนจนพบว่าเพิ่งไปซื้อบริการจากหนุ่มบาร์ ในช่วงเวลาเดียวกับที่อ้างว่าถูกข่มขืน เมื่อตามไปโรงแรมที่พักก็หายตัวไปโดยไม่จ่ายค่าห้อง เชื่อว่าเจตนาแจ้งความเท็จเพื่อเอาผลตรวจโรคจากร.พ.ไปเคลมกับบริษัทประกันในต่างประเทศ

แหม่มออสซี่สร้างเรื่องถูก 3 ทรชนพัทยาเรียงคิวขืนใจครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 17 ก.พ

น.ส.มาติลดา คาฟชิค อายุ 25 ปี นักท่องเที่ยวสาวชาวออสเตรเลีย พร้อมด้วย น.ส.แอนโทนิจา วินิ คาฟชิค อายุ 24 ปี น้องสาว และน.ส.เพีย โทแพล็ก อายุ 21 ปี เพื่อนสาวชาติเดียวกัน เข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.ธนกฤต ลาภอิทธิสันต์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่า น.ส.มาติลดาถูกชายไทยลวงไปเรียงคิวข่มขืน

น.ส.มาติลดาซึ่งอยู่ในอาการหวาดผวาร้องไห้ตลอดเวลา

ให้การทั้งน้ำตาว่า มีอาชีพเป็นครูสอนภาษาที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองพัทยาพร้อมกับเพื่อนและน้องสาวได้ 2 วันแล้ว โดยพักที่โรงแรมเซ็นทรัลเพลส ก่อนเกิดเหตุช่วงหัวค่ำได้แยกย้ายกับน้องสาวและเพื่อนไปเดินเที่ยวย่านถนนวอล์กกิ้งสตรีต ระหว่างนั้นมีชายไทย 3 คน อายุประมาณ 20-25 ปี เข้ามาตีสนิท และบอกว่าจะเป็นไกด์พาเที่ยว

น.ส.มาติลดาให้การอีกว่า เห็นคนไทยน่ารักนิสัยดีจึงหลงเชื่อยอมไปกับชายกลุ่มดังกล่าว

กระทั่งถึงที่เปลี่ยวไม่ทราบว่าเป็นที่ใด ชายไทยทั้ง 3 ใช้มีดจี้บังคับจะข่มขืน แต่ตนไม่ยอม จึงถูกบังคับพาขึ้นรถจักรยานยนต์ซ้อนสาม 1 คัน อีกคนขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมาอีกคันพาออกนอกเมืองไปที่บ้านไม้หลังหนึ่ง ภายในบ้านมีชายไทยอีกประมาณ 10 คน นั่งดื่มสุราอยู่แล้ว


น.ส.มาติลดาให้การต่อว่า จากนั้นชายทั้ง 3 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันข่มขืนจนสำเร็จความใคร่

โดยคนสุดท้ายกระทำอย่างซาดิสต์วิตถาร ภายหลังสังเวยความหื่นกระหายแล้วได้ขอความช่วยเหลือชายคนหนึ่งในกลุ่มที่นั่งดื่มสุราอยู่ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับเพื่อนที่ข่มขืนตนมาตั้งแต่ต้น ให้ช่วยพาส่งโรงแรมที่พัก และไปตรวจร่างกายที่ร.พ.กรุงเทพพัทยา ก่อนที่เข้าแจ้งความ

น.ส.มาติลดากล่าวด้วยสภาพน้ำตานองหน้าในตอนท้ายว่า จะกลับไปสอนหนังสือที่ประเทศญี่ปุ่น และจะไม่มาท่องเที่ยวในเมืองไทยอีกแล้ว

ด้านพ.ต.ท.ธนกฤต พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยว่า เบื้องต้นลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และส่งตัวน.ส.มาติลดาไปตรวจเช็กร่างกายโดยละเอียดที่ร.พ. เพื่อใช้ประกอบคดี ส่วนคนร้ายคาดว่าน่าจะเป็นคนในพื้นที่ และออกล่าเหยื่อสาวชาวต่างชาติย่านวอล์กกิ้งสตรีตเป็นประจำ คดีนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวของประเทศเสียหาย จึงประสานตำรวจท่องเที่ยวพัทยา และส่งฝ่ายสืบสวนออกตามล่าตัวกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

ต่อมาภายหลังสอบปากคำแหม่มสาวออสซี่ผู้เสียหายอย่างละเอียดนานกว่า 8 ช.ม. พ.ต.ท.ธนกฤตให้สัมภาษณ์ว่า

เมื่อสอบสวนอย่างละเอียดพบว่าผู้เสียหายให้การสับสน วกไปวนมา โดยพนักงานสอบสวนใช้ล่ามถึง 6 คน ใช้เวลาสอบปากคํานานกว่า 8 ช.ม. ปรากฏว่าผู้เสียหายให้การผ่านล่ามแต่ละคนไม่ตรงกันเลย โดยตอนแรกให้การว่า คนร้ายรายแรกเป็นคนดีไม่ได้ข่มขืน แต่ผู้เสียหายสมยอมเอง ส่วนคนร้ายรายที่สองได้ข่มขืน ระหว่างข่มขืนผู้เสียหายได้กัดแขนคนร้ายคนแรก เจ้าหน้าที่จึงถามว่าเมื่อสมยอมกับคนแรกทําไมถึงต้องกัด ผู้เสียหายก็กลับคําให้การว่าคนร้ายคนแรกข่มขืนด้วย กลายเป็นคนร้ายรายที่ 3 ที่เป็นคนดี ไม่ได้ข่มขืน และเป็นคนที่ช่วยเหลือ แต่พอถามไปถามมาก็บอกว่าคนร้ายรายที่ 3 นี้ใช้มีดจี้บังคับขึ้นรถจักรยานยนต์พาไปข่มขืนบริเวณป่าข้างทาง ในพื้นที่ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่จึงนําผู้เสียหายไปชี้จุดที่ถูกข่มขืน พอไปถึงผู้เสียหายบอกว่าจําไม่ได้ จากนั้นผู้เสียหายก็ขอเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นทันที โดยขอให้ช่วยแจ้งผลการตรวจร่างกายให้ทราบด้วยว่าติดโรคร้ายหรือไม่

จากนั้น พ.ต.อ.นภดล วงษ์น้อม ผกก.สภ.เมืองพัทยา มาร่วมสอบสวนและวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า

จากคำให้การของน.ส.มาติลดามีข้อพิรุธมากมายและยังให้การวกวน จึงระดมตำรวจฝ่ายสืบสวนออกหาข้อมูลตามจุดต้องสงสัยต่างๆ จนได้ข้อเท็จจริงว่าช่วงหัวค่ำวันที่ 16 ก.พ. น.ส.มาติลดาไปซื้อบริการทางเพศจากหนุ่มขายบริการของบาร์แห่งหนึ่งในพัทยา หลังจากร่วมหลับนอนกันแล้ว หนุ่มขายบริการขับขี่รถจักรยานยนต์พาไปส่งที่โรงแรมเซ็นทรัลเพลส บนเขาพระตำหนัก ก่อนแยกย้ายกันไป แต่น.ส.มาติลดาเกรงว่าตัวเองจะติดโรคร้าย จึงไปตรวจร่างกายที่ร.พ.กรุงเทพพัทยา จากนั้นเข้าแจ้งความกับตำรวจว่าถูกวัยรุ่นพัทยารุมโทรม ทั้งนี้จากการตรวจสอบเวลาและสถานที่ตามที่น.ส.มาติลดากล่าวอ้างว่าถูกข่มขืน เป็นช่วงเวลาเดียวกับกำลังหลับนอนกับหนุ่มขายบริการคนดังกล่าว

พ.ต.อ.นภดลเปิดเผยต่อว่า เจ้าหน้าที่ติดตามไปตรวจสอบยังห้องพักที่โรงแรมเซ็นทรัลเพลส

ปรากฏว่าน.ส.มาติลดาพร้อมกับน้องสาวและเพื่อนได้หลบหนีออกจากโรงแรมโดยไม่ได้ชำระเงินค่าที่พัก และไม่ทราบว่าหลบหนีไปที่ใด จึงระดมกำลังตำรวจพัทยาพร้อมกับประสานตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจตม.ติดตามตัวน.ส.มาติลดามาสอบสวนถึงความจริงทั้งหมด เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเจตนาแจ้งความเท็จ เพื่อหวังผลอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น นำใบตรวจโรคจากร.พ.ไปเคลมประกันกับบริษัทประกันที่ต่างประเทศ

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์