เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ก.พ. ที่ สน.มีนบุรี ยังมีผู้เสียหายเหยื่อแก๊งแชร์รถเช่าทยอยกันเข้าแจ้งความรวมกับพวกที่แจ้งความไว้แล้วไปติดตามความคืบหน้าในคดีประมาณ 20 ราย
หลายรายเดินทางมาไกลจาก จ.ชัยภูมิ ขอนแก่น เชียงใหม่ ชลบุรี เกือบทั้งหมดนอกจากถูกโกงเงินค่ารถมาแล้ว ยังสูญรถไปอีกเฉลี่ยคนละไม่ต่ำกว่า 5 คัน ส่วนใหญ่เป็นรถตลาด อย่างคัมรี่ วีออส ฟอร์จูนเนอร์ อัลติส ขณะที่พนักงานสอบสวนได้นำหมายจับผู้ต้องหาคดีดังกล่าว ประกอบด้วยนายจรัล สุภาพ อายุ 38 ปี นางฐิติรัตน์ สีมุก อายุ 33 ปี นายพีรพงศ์ ภิรักษ์ชวนันท์ อายุ 32 ปี และนางณัฐนิรินทร์ มูฮำหมัด อายุ 33 ปี ติดไว้ที่ชั้นล่างของ สน.มีนบุรี เพื่อให้ผู้เสียหายทราบความคืบหน้าของคดี ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี สามารถจับกุมตัวนายพีรพงศ์ไว้ได้แล้ว เบื้องต้นให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี สามารถนำสู่การออกหมายจับผู้ต้องหารายอื่นต่อไป
นางสำรวย วิวะโค อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/602 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝก เขตหนองจอก หนึ่งในผู้เสียหายที่มาติดตามความคืบหน้าของคดี เปิดเผยว่า
มานั่งเฝ้าอยู่ที่นี่เพราะอยู่บ้านก็ไม่มีประโยชน์และนอนไม่หลับหลายคืนแล้ว เนื่องจากเสียรถไป 5 คัน ยังตามกลับคืนมาไม่ได้เลย ปกติเป็นแม่บ้านอาศัยเงินของสามีซึ่งเป็นลูกจ้างขับรถตู้คอนเทนเนอร์ เป็นเหยื่อแก๊งแชร์รถเช่าเมื่อกลางปี 50 เนื่องจากสังเกตเห็นข้างบ้านออกรถหลายคัน เมื่อสอบถามก็รู้ว่าออกรถมาให้เช่ามีรายได้ดี จึงออกรถมาบ้าง ประกอบกับเมื่อไปที่บริษัทยูฟูกุ ดีคอเรท พบตำรวจ ทหาร มีดาวบนบ่าเอารถไปทำสัญญาให้เช่า จึงมั่นใจว่างานนี้ไม่ถูกโกงแน่ ก่อนตัดสินใจกู้เงินนอกระบบ 5 แสนบาท ไปดาวน์รถ และตอนนี้ยังติดหนี้ไฟแนนซ์อีกราว 4 ล้านบาท ถูกโกงแบบนี้ถือว่าหมดตัวแล้ว ยิ่งวัยนี้เป็นไม้ใกล้ฝั่งอยากจะคิดสั้นทำร้ายตัวเอง แต่เมื่อนึกถึงหลานๆจึงตัดใจไม่ลง ต้องสู้ชีวิตต่อไป
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษก ตร. เดินทางไปพบกลุ่มผู้เสียหายที่ สน.มีนบุรี
ที่จับกลุ่มรวมกันอยู่ประมาณ 50 ราย ระหว่างนั้น นายประจวบ อยู่สวัสดิ์ อายุ 43 ปี ผู้เสียหายรายหนึ่ง เข้ามาให้ข้อมูลว่า รถของตนที่เข้ามาร่วมกับแชร์รถเช่า เป็นรถโตโยต้า วีออส สีเทา ทะเบียน ชษ 9289 กรุงเทพมหานคร มีระบบติดตามจีพีเอส สามารถบันทึกข้อมูลไว้ได้ว่า ช่วงวันที่ 10 ม.ค.-8 ก.พ. ที่ผ่านมา รถวิ่งเข้าออกกองปราบปราม หลายต่อหลายครั้ง จึงอยากให้ตำรวจเรียกทีวีวงจรปิดมาดูว่าใครเป็นคนขับ พล.ต.ท.พงศพัศจึงแจ้งพนักงานสอบสวนให้ประสานไปทางกองปราบฯขอภาพทีวีวงจรปิดมาตรวจสอบอย่างเร่งด่วน