เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 16 ก.พ. พ.ต.ท.ประทีป ทองดี สารวัตรเวร สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งมีเหตุปล้นทรัพย์และทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บ บริเวณปากซอยยามาโมโต้ ฝั่งชายหาด ถนนเลียบชายหาด หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นภดล วงษ์น้อม ผกก. พ.ต.ท.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผกก.(ป.) พ.ต.ต.เฉลิมศักดิ์ เถียรทองศรี สว.สส. และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ พัทยา ไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบร่างชายชาวต่างชาติถูกทำร้าย เลือดไหลอาบหน้า นอนฟุบอยู่ริมฟุตปาท
จึงช่วยกันปฐม พยาบาลจนอาการดีขึ้น ทราบชื่อนายเทล ดราเก้น อายุ 45 ปี ชาวอเมริกัน ใบหน้าและตามร่างกายถูกทุบตีเป็นแผลฉกรรจ์หลายแห่ง ส่วนทรัพย์สินถูกคนร้ายปล้นไปเป็นเงินสด 6,000 บาท และเงินสกุลดอลลาร์ จำนวน 300 เหรียญสหรัฐฯ รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 16,000 บาท ในที่เกิดเหตุพบขวดเบียร์ตกอยู่ 1 ขวด และรอยเลือดบนพื้นถนน
นายเทล ดราเก้น ผู้เสียหาย ให้การว่า
ก่อนเกิดเหตุได้ไปเที่ยวบาร์เบียร์ ย่านวอล์คกิ้งสตรีท พัทยาใต้ เพียงลำพัง นั่งดื่มกินอยู่จนรุ่งเช้า หลังร้านปิดก็ถือขวดเบียร์เดินดื่มมาตามทาง มุ่งหน้ากลับที่พักโรงแรมเอเพล็กซ์ ถนนพัทยาสาย 2 ขณะถึงจุดเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชายไทย 3 คน อายุประมาณ 20-25 ปี 1 ในนั้นปรี่เข้าล็อกคอตน ส่วนอีก 2 คน ที่เหลือวิ่งกรูเข้ามาช่วยกันรุมกระทืบจนล้มฟุบกับพื้นถนน ตนร้องขอความช่วยเหลือจากนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมา แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย คนร้ายบังคับให้นำทรัพย์สินในตัวออกมามอบให้ พอขัดขืนปรากฏว่าถูกคนร้ายใช้เท้าเตะเข้าที่ใบหน้าจนล้มฟุบและต้องยอมจำนน หลังได้เงินแล้วทั้งหมดพากันวิ่งหลบหนีเข้าซอยยามาโมโต้ ออกถนนสาย 2 หายไป โดยเมื่อวันก่อนในบริเวณเดียวกัน เพิ่งจะเห็นนักท่องเที่ยวถูกทำร้ายไปหมาดๆ ไม่คิดว่าจะมาประสบเหตุกับตัวเอง
นายเอก (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าให้ตำรวจฟังว่า
ขณะยืนกางร่มและตั้งเตียงผ้าใบชายหาด อยู่ในละแวกดังกล่าว ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจึงรีบวิ่งไปดู พบกลุ่มชายฉกรรจ์ 3 คน รุมกระทืบนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวอย่างป่าเถื่อน จำได้ว่า 1 ใน 3 คนร้าย คือนายโจ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง เป็นตำรวจอาสา สภ.เมืองพัทยา เคยเห็นพาพรรคพวกเดินตรวจตรารักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายหาดอยู่เป็นประจำ โดยนายโจมักจะพกวิทยุสื่อสารติดตัว และเปิดฟังช่องสื่อสารของตำรวจเสียงดังลั่น ทำให้ตนไม่กล้าเข้าไปช่วย เพราะกลัวจะเจ็บตัวและเดือดร้อนภายหลัง เนื่องจากนายโจมีอิทธิพลและลูกสมุนเยอะ
พ.ต.อ.นภดล วงษ์น้อม ผกก.สภ.เมืองพัทยา กล่าวว่า
คดีนี้มีพยานจำหน้าคนร้ายได้ว่าเป็นตำรวจอาสา สภ.เมืองพัทยา จึงสั่งให้ตรวจสอบว่าเป็นแก๊งตำรวจอาสานอกแถวที่ก่อนหน้านี้เคยก่อเหตุในลักษณะนี้กับนักท่องเที่ยวมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ เนื่องจากคนร้ายมีวิทยุสื่อสาร รู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี การก่อเหตุครั้งนี้พยานจำหน้าได้แม่นยำ คงหนีไม่พ้น โดยจะนำภาพถ่ายในสมุดประวัติตำรวจอาสา สภ.เมืองพัทยา มาให้พยานและผู้เสียหายชาวต่างชาติดู ถ้าใช่ก็จะรวบรวมหลักฐานยื่นต่อศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป