ปลอมจม.รมต. ตุ๋นแม่ค้า6ล้าน

ตร.หนองคายนำหมายศาลบุกจับ 2 ผัวเมียตุ๋นแม่ค้า 6 ล้าน อ้างเพื่อนได้มรดก 155 ล้าน แต่ไม่มีเงินเสียภาษี ออกปากขอยืมเงินก่อนแล้วจะจ่ายคืนทีหลังรวมดอกเบี้ย พร้อมปลอมจดหมายรมว.คลังขอให้ช่วยเหลือ เหยื่อหลงเชื่อควักเงินสดให้หลายงวด กว่าจะรู้ตัวถูกหลอก โร่แจ้งตำรวจตามรวบตัวได้ เร่งล่าอีกคนสาวใหญ่เจ้าของมรดกหนีกบดานที่อุดรธานี

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลา 22.00 น. พ.ต.ท.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รองผกก.สภ.เมืองหนองคาย สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนำหมายศาลจังหวัดหนองคาย เลขที่ จ.37/2551 ลงวันที่ 30 ม.ค.2551 เข้าจับกุมนายโสทร พรหมทะสาร อายุ 66 ปี อดีตผู้จัดการองค์การโทรศัพท์ สาขาอ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย และนางระเบียบ พรหมทะสาร อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132 หมู่ 6 ต.มีชัย อ.เมืองหนองคาย สองสามีภรรยาในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม โดยจับกุมทั้งสองคนได้ที่บ้านพัก แล้วนำตัวมาสอบสวนที่สภ.เมืองหนองคายนานกว่า 2 ชั่วโมง

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากนาง เอ (นามสมมติ) อาชีพค้าขาย ชาวอ.เมืองหนองคาย แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนหน้านี้ว่านายโสทรและนางระเบียบ หลอกเงินไปประมาณ 6 ล้านบาท ขอให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีด้วย โดยนางเอ ให้การว่า เมื่อประมาณเดือนธ.ค.2550 นายโสทรและนางระเบียบซึ่งเป็นคนรู้จักกันมาก่อน พานางเบญจมาภรณ์ จันทรทิพรักษ์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 189/11 หมู่ 2 ต.หนองกอมเกาะ อ.เมืองหนองคายไปพบตนที่บ้าน โดยนางเบญจมาภรณ์ บอกว่าได้รับมรดกจากสามีที่เพิ่งเสียชีวิตจำนวน 155 ล้านบาท แต่ไม่มีเงินจ่ายภาษีมรดก จึงขอยืมเงินสดจากตนไปเป็นค่าดำเนินการจ่ายภาษีก่อนแล้วจะจ่ายเงินคืนให้ภายหลังพร้อมดอกเบี้ย

นางเอ ให้การต่อว่า

นอกจากนี้ยังนำหนังสือราชการจากกระทรวงการคลัง อ้างถึงผวจ.หนองคาย ให้ช่วยดูแลเรื่องการดำเนินการจ่ายเงินมรดกแก่นางเบญจมาภรณ์ให้ถูกต้อง ลงชื่อนายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ อดีตรมว.คลัง โดยนำหนังสือดังกล่าวมาแสดงให้ตนดู เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ประกอบกับเห็นว่านายโสทรและนางระเบียบเป็นคนคุ้นเคย จึงเชื่อใจ ยอมให้เงินไป โดยทั้งสามมาเอาเงินกับตนหลายครั้ง ครั้งละหลายแสนบาท รวมเป็นเงิน 6 ล้านบาท และทั้ง 3 คนกำชับไม่ให้ตนบอกเรื่องดังกล่าวกับคนอื่น ไม่เช่นนั้นชีวิตจะไม่ปลอดภัย ผ่านมาหลายเดือนทั้งสามคนไม่นำเงินมาคืน จึงเริ่มเอะใจและเล่าเรื่องราวให้ลูกสาวฟัง ทำให้รู้ว่าถูกหลอก และหนังสือจากกระทรวงการคลังนั้นเป็นของปลอม จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ

สอบสวนนายโสทรและนางระเบียบ เบื้องต้นยังให้การภาคเสธ โดยรับว่ามาเอาเงินจากนางเอจริง แต่เงินทุกบาทมอบให้นางเบญจมาภรณ์ไปทั้งหมด และไม่ทราบว่านางเบญจมาภรณ์นำเงินไปทำอะไร อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนเจ้าหน้าที่ทราบว่า นายโสทร นางระเบียบและนางเบญจมาภรณ์เคยรู้จักกันมาก่อน เนื่องจากนางเบญจมาภรณ์เคยถูกจับคดีฉ้อโกงเงินค่าบัตรเติมเงินโทรศัพท์ แล้วนายโสทรช่วยเป็นนายประกันตัวนางเบญจมาภรณ์ออกมา ทำให้เชื่อได้ว่าทั้ง 3 คน ร่วมกันวางแผนหลอกลวงเอาเงินของนางเอ โดยที่นายโสทรและนางระเบียบทราบมาว่านางเอเพิ่งขายที่ดินได้เงิน 12 ล้านบาท ล่าสุด ทราบว่า นางเบญจมาภรณ์ไปซื้อบ้านจัดสรรที่จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่จะติดตามตัวมาสอบสวนต่อไป