ระทึกนักฟุตบอลบรรเลงแข้งนอกสนาม รุมยำสิงห์เชิ๊ตดำ ดีกรีสมาชิกฟีฟ่า
เย็บกว่า 50 เข็ม นิ้วชี้มือขวาต้องดามด้วยเหล็ก ร่างกายถลอกฟกซ้ำหลายแห่ง ต้องพาร่างอันบอบช้ำ บุกโรงพักแจ้งความเอาผิด โค้ช-นักแตะ ทีมเทศบาลต.กุยบุรี ปมเหตุจากไปเป็นกรรมการตัดสินฟุตบอล ชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข. ระหว่างเทศบาลต.กุยบุรี กับม.เกษมบัณฑิต ที่สนามกีฬากลางเมืองกรุงเก่า ในนัดชี้ชะตา ฝ่ายใดชนะจะได้เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นดิวิชั่น 2 เลยบรรเลงเพลงเตะกันอย่างหนักหน่วง เลยควักใบแดง แจกนักแตะทีมนักเตะ กุยบุรีไป 3 ใบ พอจบการแข่งขัน ผลพ่ายไป 1 ต่อ 4 ทำให้ยัวะจัด ยกพวกรุมทำร้าย ขณะที่ ตร.จ่อออกหมายจับ 4 โค้ชกับอีก 19 นักเตะเลือดร้อนแล้ว
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 ก.พ. นายประคองสุข กั้วมาลา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/1 หมู่ 5 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ กรรมการตัดสินฟุตบอลฟีฟ่า สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
ได้พาร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล มีผ้าพันแผลพันไว้หลายแห่ง เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.นราธิป สุดทนต์ พนักงาน สอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ว่าถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ พร้อมกับแสดงใบรับรองแพทย์ รพ.พระนครศรีอยุธยา ระบุว่า ท่อนแขนซ้าย ท่อนแขนขวา ข้อมือขวา นิ้วมือขวา ศอกขวา และตามท่อนขา มีบาดแผลจากการถูกของมีคม ต้องเย็บแผลรวมกันกว่า 50 เข็ม โดยเฉพาะที่นิ้วชี้มือขวาต้องดามด้วยเหล็ก และตามร่างกาย มีบาดแผลฟกช้ำอีกจำนวนมาก
นายประคองสุข ให้การว่า ช่วงเวลาค่ำวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ไปทำหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินฟุตบอลในการแข่งขันฟุตบอล ชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข ระหว่างเทศบาล ต.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบกับ ม.เกษมบัณฑิต ที่สนามกีฬากลาง จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยในเกมนี้หากฝ่ายใดชนะจะผ่านได้เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในระดับดิวิชั่น 2 ทันที พร้อมรับเงินบำรุงทีมอีก 2 แสนบาท ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างเอาจริงเอาจังกับการแข่งขันครั้งนี้เป็นอย่างมาก โดยตนพยายามทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และระหว่างการแข่งขัน ได้ให้ใบแดง 3 ใบ แก่นักเตะของทีมเทศบาล ต.กุยบุรี เพราะเล่นผิด กติกา จนทำให้ทีมเทศบาล ต.กุยบุรี ไม่พอใจประท้วง และแสดงความป่าเถื่อนด้วยการตะโกน ด่า และพยายามกดดันต่าง ๆ นานา
กรรมการตัดสินฟุตบอลฟีฟ่า ให้การด้วยว่า จนกระทั่งต่อมาได้มีนายสัมพันธ์ คำคม และนายนรินทร์ ชูผลา ผู้แทนสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต้องวิ่งลงไปในสนามฟุตบอล
เพื่อเคลียร์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กลับถูกกดดันด่าทออีก จนทางตำรวจเห็นท่าไม่ดี จึงต้องพาตัวแทนจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยออกจากสนาม เพื่อความปลอดภัย จากนั้นการแข่งขันได้ดำเนินต่อไป จนการแข่งขันจบสิ้น และท้ายที่สุดทีมเทศบาลต.กุยบุรี เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป 1-4 ประตู ทำให้ทีมเทศบาล ต.กุยบุรี ไม่พอใจ
“ทันทีเมื่อจบการแข่งขัน สมาชิกทีมเทศบาล ต.กุยบุรี ได้วิ่งมาล็อกคอเอาเรื่องตนเอง เพื่อทำร้ายจนตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้องต้องเคลียร์กันวุ่นวาย จังหวะนั้นตนได้วิ่งหนีออกมาจากสนาม และนักเตะกุยบุรีได้วิ่งตามมา มีนายชาญวิทย์ รอดนิกร ผู้รักษาประตูของกุยบุรี วิ่งไปล็อกคอให้เพื่อนร่วมทีมต่อย ตำรวจที่วิ่งตามมา ต้องยิงปืนขึ้นฟ้า แต่นักเตะกุยบุรียังไม่หยุดทำร้าย ขณะที่ตนดิ้นหลุดอีกครั้งและวิ่งหนีไปทางสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จ.พระนครศรีอยุธยา และต้องหนีตายโดยกระโดดทะลุประตูกระจกจนได้รับบาดเจ็บเพิ่มอีกหลายแห่ง แต่นักเตะกุยบุรียังตามมาทำร้ายตนอีก มีตำรวจ และชาวบ้านแถวนั้นมาช่วยกันห้ามไว้ หลังเกิดเหตุพบว่าทีมนักเตะกุยบุรีรีบขึ้นรถหนีกลับบ้านทันที” นายประคองสุข กล่าวย้ำ