เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 7 ก.พ. พ.ต.ท.สราวุฒิ สวัสดิชัย สวญ.สภ.ปลายบาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
รับแจ้งมีเหตุยิงกันที่"ภูมิบุตรแมนชั่น" ม.2 ต.บางคูเวียง จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.โสฬส บุญเหลือ สว.สส. และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เบื้องต้นทราบว่าผู้ที่ก่อเหตุขับรถกระบะหมายเลขทะเบียน ตล-6076 กทม. สีบรอนซ์ทอง มุ่งหน้าหลบหนีไปทางหมู่บ้านพร้อมจิตต์ ม.6 ต.บางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี จึงแจ้งวิทยุเพื่อสกัดจับกุมและสามารถจับกุมตัวไว้ได้ขณะหลบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในบ้านญาติ ภายในหมู่บ้าน ทราบชื่อต่อมาคือนายชาญวุฒิ หรืออู๊ด ตั้งวรวัฒน์ อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวมาดำเนินคดีพร้อมนายสาธิต เบญจพรรณ อายุ 24 ปี เจ้าของบ้าน ส่วนฝ่ายที่ถูกยิงทราบมี 4 คน คือนายวิชาญ เกลือกัน อายุ 36 ปี นายวิสิทธิ ออกหาญ อายุ 26 ปี นายอำนาจ มีระหันนอก อายุ 32 ปี และนายภัทรพงศ์ มีระหันนอก อายุ 29 ปี เป็นพนักงานฝ่ายติดตามหนี้สินของบริษัทธนชาติ
นายชาญวุฒิ กล่าวว่า ตนมีอาชีพทำเต็นท์รถมือสองชื่อวู๊ดดี้คาร์เซ็นเตอร์ ย่านถนนกาญจนาภิเษก
ช่วงเช้าขณะที่กำลังพักผ่อนอยู่ที่ห้อง เจ้าหน้าที่รปภ.ของแมนชั่นโทร.ขึ้นมาบอกว่ามีคนมารอพบด้านล่างอาคาร ตนชะโงกหน้าดูแล้วไม่รู้จักมาก่อน จึงหยิบอาวุธปืนกลมือเอ็ม 3 ซึ่งซื้อต่อมาจากเพื่อนราคา 2.5 หมื่นบาท ออกมาซุกไว้บริเวณชั้นล่างอาคารก่อนจะออกไปพบกับกลุ่มคนดังกล่าว
ปืนกลมือยิงถล่มพนักงานไฟแนนซ์
กลุ่มคนดังกล่าวมีด้วยกัน 4 คน อ้างเป็นฝ่ายติดตามหนี้สินบริษัทธนชาติ
ตามมายึดรถกระบะหมายเลขทะเบียน ตล 6076 กทม. สีบรอนซ์ทอง ซึ่งค้างค่างวดรถ 8 เดือน โดยทั้ง 4 คนไม่ได้แสดงหลักฐานหรือนำบัตรประจำตัวของบริษัทมาแสดง พร้อมกับพูดข่มขู่ให้ตนนำกุญแจรถกระบะคันดังกล่าวมาคืน ตนเองจึงบอกว่ารถกระบะคันนี้ซื้อต่อมาจากนายอี้ด ซึ่งเป็นคนรับจำนำของในบ่อนแห่งหนึ่ง นำมาขายให้ราคา 1.3 แสนบาท พร้อมกับหลักฐานใบโอนลอย ตนทำเต็นท์รถมือสองอยู่แล้วจึงตกลงซื้อและนำมาใช้ได้ประมาณเดือนกว่า หากต้องการยึดรถก็ให้ตามไปยึดกับนายอี้ดแทน เพราะตนจะนำรถไปคืนนายอี้ดเพื่อนำเงิน 1.3 แสนบาทคืนก่อน
นายชาญวุฒิ กล่าวต่อว่า ระหว่างที่กำลังต่อรองอยู่นั้นมีคนหนึ่งชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่ ตนจึงส่งกุญแจรถให้ไป
ก่อนจะเดินไปนำปืนกลมือที่เตรียมไว้ออกมาขู่กลับเพื่อขอกุญแจรถคืน เพราะไม่แน่ใจว่าจะเป็นกลุ่มไฟแนนซ์ของบริษัทจริงหรือไม่ เพราะไม่มีหลักฐานมาแสดง และยังพูดจาข่มขู่ ตนเกรงว่าจะเป็นพวกมิจฉาชีพหลอกกรรโชกทรัพย์ ขณะที่ชายทั้ง 4 คนกำลังเดินถอยไปขึ้นรถ 1 ในนั้นทำท่าจะหยิบอาวุธปืนออกมายิง ตนจึงยิงใส่รถกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว 2 นัด จากนั้นรีบขับรถกระบะหลบหนีออกจากที่พัก ปรากฏว่าที่ปากทางพบรถกระบะของกลุ่มไฟแนนซ์ดังกล่าวจอดขวางอยู่ ตนจึงยิงใส่รถที่จอดขวางอยู่อีก 1 นัด และขับรถสวนออกมา หนีไปบ้านญาติที่หมู่บ้านพร้อมจิตต์ พบกับนายสาธิต จึงขอให้ช่วยถอดแผ่นป้ายทะเบียนรถออก เพราะกลัวตำรวจจะติดตามมาจับกุม แต่ก็ถูกตำรวจจับกุมได้ในที่สุด
ด้านนายวิชาญ เกลือกัน เจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ของบริษัทธนชาติ กล่าวว่า
ตนกับเพื่อน 3 คนเป็นฝ่ายติดตามหนี้ของบริษัท มาพบรถกระบะหมายเลขทะเบียน ตล 6076 กทม. ซึ่งค้างชำระหนี้กับบริษัทมา 8 งวด จึงโทรศัพท์แจ้งให้สำนักงานทราบเพื่อยึดรถกลับคืน พวกตนเข้าไปเจรจากับนายชาญวุฒิดีๆ ไม่ได้ข่มขู่ พร้อมกับจะออกใบตรวจสอบสภาพรถที่ตรวจยึดให้ด้วย แต่นายชาญวุฒิไม่ยอม และวิ่งไปนำปืนมายิงใส่กลุ่มตน โชคดีไม่ถูกใคร แต่ถูกรถกระบะป้ายแดงของบริษัท 2 นัด จากนั้นก็มาถูกยิงอีกครั้งเข้าที่เหนือประตูด้านคนขับอีก 1 นัด ทำให้รถเสียหายเป็นรู
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างสอบปากคำ ตำรวจตรวจค้นรถกระบะของกลุ่มไฟแนนซ์ พบอาวุธปืน 9 ม.ม. พร้อมแม็กกาซีนบรรจุกระสุนอยู่ในรถ
โดยนายวิชาญรับว่าเป็นปืนพกของตนเอง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบหลักฐานการครอบครองปืน แต่นายวิชาญไม่มีมาแสดง อ้างว่าเพิ่งซื้อต่อจากเพื่อนได้ไม่นาน ตำรวจจึงแจ้งข้อหาครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรดำเนินคดี ส่วนนายชาญวุฒิ ถูกแจ้งข้อหา พยายามฆ่า พกพาและครอบครองอาวุธปืน(อาวุธสงคราม) เครื่องกระสุนปืนซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้ได้ และครอบครองเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่นายสาธิต เจอข้อหาช่วยเหลือเพื่อให้นายชาญวุฒิได้หลบหนีระหว่างก่อเหตุกระทำความผิด