รวบสาวแสบตุ๋นเข้าเรียนนายสิบตร.

เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 5 ก.พ. พ.ต.อ.ถวาย บูรณรักษ์ ผกก.สภ.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา

พร้อมด้วย พ.ต.ท.อรพล โคตรโนนกอก พนักงานสอบสวน (สบ3) นำกำลังตำรวจเข้าจับกุมนางพัณณ์นิชา หรือ ตา หรือจู สดุดีพาณิชย์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 799/161 หมู่ 13 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงนครราชสีมา ลงวันที่ 25 ม.ค.2551 ได้ภายในร้านสปาเรือนไทยนวดแผนโบราณ ตั้งอยู่ที่ถนนมุขมนตรี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์

จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า นางพัณณ์นิชา ร่วมกับนางปณิตา ชวิศาศุภสิน อยู่ระหว่างการหลบหนี

นำเอกสารอ้างว่าเป็นประกาศรับสมัครข้าราชการตำรวจ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลอกลวงนายสงบ ใจสาหัส ผู้เสียหาย ว่ารู้จักนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน และสามารถช่วยเหลือให้สอบเข้าเรียนหลักสูตรข้าราชการตำรวจ ชั้นนายสิบตำรวจ หลักสูตรเร่งรัด ประจำปี 2550 ที่กำลังประกาศเปิดรับสมัครอยู่ทั่วประเทศได้ นายสงบหลงเชื่อ และต้องการให้ลูกและหลานสาวเข้าเรียน จึงโอนเงินให้นางพัณณ์นิชา และนางปณิตา จำนวน 440,000 บาท ผ่านธนาคารเข้าบัญชีของนางพัณณ์นิชา ส่วนเงินที่เหลืออีกจำนวน 60,000 บาท นายสงบผู้เสียหายนำมามอบให้กับนางพัณณ์นิชา ที่ร้านสปาเรือนไทยนวดแผนโบราณ รวมเป็นเงิน 500,000 บาท แต่ปรากฏว่าก็ยังไม่ได้เข้าเรียน

ต่อมานายสงบเริ่มสงสัยเกรงจะถูกหลอกลวง จึงเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.อรพล โคตรโนนกอก พนักงานสอบสวน (สบ3) สภ.โพธิ์กลาง

และจากการตรวจสอบไปยังกองบังคับการกองการสอบ กองบัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปรากฏว่าไม่มีการเปิดสอบแข่งขันเข้ารับราชการหลักสูตรข้าราชการตำรวจ ชั้นนายสิบตำรวจ หลักสูตรเร่งรัดประจำปี 2550 แต่อย่างใด และเอกสารที่นางพัณณ์นิชานำมาอ้างกับนายสงบ ก็ไม่ใช่เอกสารของทางราชการแต่อย่างใด ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติศาลออกหมายจับ

สำหรับนางปณิตา ผู้ต้องหาอีกคนไหวตัวทันหลบหนีไปได้

และจากการสอบประวัตินางพัณณ์นิชา พบว่าเป็นแก๊งต้มตุ๋นชาวบ้านในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยหลอกลวงว่าจะฝากเข้าทำงาน อบต. หรือเทศบาลต่างๆ ได้ในหลายจังหวัด เช่น กรุงเทพฯ, สมุทรปราการ, สระบุรี, และนครราชสีมา จนมีหลายคนตกเป็นเหยื่อ และสูญเสียเงินและทรัพย์สินให้กับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมาแล้วนับสิบล้านบาท โดยเฉพาะนางพัณณ์นิชาเคยเปลี่ยนชื่อและนามสกุลมาแล้วในท้องที่ต่างๆ ถึง 9 ครั้ง เพื่อหลบหนีการจับกุมของตำรวจและหลบหนีการติดตามของผู้เสียหาย สอบสวนให้การรับสารภาพ