จากเรื่องราวฉาวโฉ่กรณีกลุ่มเยาวชน นักเรียนนักศึกษาใน จ.นครศรีธรรมราช
แอบเริงรักตามที่สาธารณะ อย่างไม่อายสายตาของประชาชน ไม่เว้นแม้แต่ห้องสมุดประชาชนกลางเมือง สนามเทนนิส ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของสนามหน้าเมือง จนกลายเป็นแหล่งมั่วสุมทางเพศ ขณะที่นางกาญจนา ไชยสุวรรณ หัวหน้าห้องสมุดประชาชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ยืนยันว่าไม่มีเยาวชนสร้างพฤติกรรมบัดสีในห้องสมุดตามที่เป็นข่าว แต่ทุก อย่างสวนกับความเป็นจริง เมื่อ “ไทยรัฐ” บุกพิสูจน์แฉข้อมูลและภาพถ่ายอย่างโจ๋งครึ่มนั้น
ต่อมาวันที่ 3 ก.พ. หลังข่าวฉาวนี้แพร่สะพัดทำให้ผู้ปกครองจำนวนหนึ่งเดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ห้องสมุดประชาชน
และได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ห้องสมุดว่า ข่าวที่นำเสนอไม่มีมูลความจริง ทางกลุ่มผู้ปกครองจึงขึ้นไปตรวจสอบที่ชั้น 2 ของห้องสมุด พบมีซอกมุมมากมายที่นักเรียน นักศึกษาสามารถเข้าไปแอบแสดงพฤติกรรมทางเพศได้โดยไม่มีใครเห็น ที่น่าสังเกตคือผนังปูนจะมีคราบเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด โดยผู้ปกครองคาดว่าเป็นน้ำอสุจิ ในขณะที่ชั้นวางหนังสือและหนังสือบางส่วนในบริเวณติดกันก็มีคราบติดเปรอะเปื้อนเช่นกัน จนหนังสือบางเล่มไม่สามารถเปิดเรียงหน้าได้ตามปกติ ส่วนผนังห้อง ชั้นวางหนังสือ และหนังสือในจุดอื่นกลับสะอาดสะอ้านไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
จากนั้นกลุ่มผู้ปกครองได้ลงมาสำรวจรอบๆห้องสมุด และพบว่ามีซอกหลืบของตึกจากการออกแบบการก่อสร้างด้านละ 4-5 ซอก
รวมทั้งพื้นที่ว่างระหว่างห้องสมุดกับสนามเทนนิสก็เป็นจุดที่ลับตาคนที่เด็กใจแตกทั้งหลายสามารถใช้ประกอบกามกิจได้เป็นอย่างดี และยังพบถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วกระจายเกลื่อนบริเวณ โดยมี รปภ.ของห้องสมุดรีบเก็บกวาดถุงยางไปทิ้ง เมื่อสอบถามพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่อาศัยอยู่ตลอดแนวถนนท่าช้าง หลังห้องสมุด ต่างยืนยันว่าทราบและเคยเห็นพฤติกรรมของเด็กในทางชู้สาวมานานนับ 10 ปีแล้ว แถมยังมีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
ด้านนายวีรวัฒน์ รัตนะ ผู้จัดการมูลนิธิพัฒนาและส่งเสริมเยาวชนคนหนุ่มสาวนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนในจังหวัด กล่าวว่า
เด็กและเยาวชนเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญ มีคุณค่าของชาติ แต่ในปัจจุบันสภาวะความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี ส่งผลให้เกิดสภาพสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี กลายเป็นสิ่งกระตุ้นให้เยาวชนหลงผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเหล้า บุหรี่ ยาเสพติดอื่นๆ รวมทั้งบรรดาสื่อลามกอนาจาร สิ่งเหล่านี้กระทบต่อเด็ก เยาวชนเป็นอย่างมาก เพราะสามารถกระตุ้นให้ เด็กอยากรู้ อยากเห็น อยากลอง หากปล่อยปละละเลยจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศชาติในอนาคตอย่างแน่นอน
“การแก้ปัญหาในเบื้องต้น พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องตระหนักในหน้าที่ โดยดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ถือเป็นภารกิจหลักที่สำคัญที่สุด และทุกฝ่ายต้องหาวิธีให้เด็กซึมซับและรับรู้ถึงสภาพความเปลี่ยนแปลงของสังคม เพื่อให้รอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อ ส่วนเด็กผู้หญิงต้องปลูกฝังเรื่องรักนวลสงวนตัว ส่วนเด็กผู้ชายปลูกฝังไม่ รังแกผู้หญิงซึ่งเป็นเพศแม่ ที่สำคัญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องทุ่มเทในการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมให้กับเด็กอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดทางเลือกที่เหมาะสมมากขึ้น” นายวีรวัฒน์กล่าว