เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 11 ม.ค. พ.ต.ท.อธิคม อพิชยะนุกูลกิจ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.สุทธิสาร
ได้รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณร้านแฟมิลี่หมูกระทะ ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ พบผู้บาดเจ็บคือ จ.ส.ต.เจนจัด อัชชะ ผบ.หมู่ป. สน.สุทธิสาร ถูกตีที่ศีรษะอาการสาหัส มีพลเมืองดีนำส่ง รพ.เปาโล เมโมเรียล สะพานควาย ไปเรียบร้อยแล้ว
จากการสอบปากคำพยานในร้านได้ความว่า
จ.ส.ต.เจนจัดมาจัดงานเลี้ยงได้เลื่อนยศเป็น จ.ส.ต.กับเพื่อนตำรวจประมาณ 4-5 คน ตั้งแต่เที่ยงคืนกระทั่งร้านปิด เพื่อนบางคนเริ่มทยอยกลับก่อน ส่วน จ.ส.ต.เจนจัดลุกเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่หลังร้าน จู่ๆก็มีคนร้ายไม่ทราบว่ามาจากที่ไหน ใช้ของแข็งฟาดเข้าที่ศีรษะ จ.ส.ต.เจนจัดอย่างแรงจนล้มลง เพื่อนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะเห็นนานผิดสังเกตจึงเดินไปดู พบร่างของ จ.ส.ต.เจนจัดนอนหมดสติกองฟุบอยู่กับพื้น แต่ไม่มีใครเห็นหน้าคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัย
ต่อมาเวลา 10.00 น. นางทัศนีย์ อัชชะ อายุ 37 ปี ภรรยาจ่าสิบตำรวจเหยื่อโหดได้เดินทางไปเยี่ยมสามีด้วยสีหน้ากังวล
หลังจากแพทย์ระบุว่า คนเจ็บมีอาการเลือดคั่งในสมองต้องเข้าผ่าตัดด่วน อาการโดยรวมยังน่าเป็นห่วง โดยนางทัศนีย์เปิดเผยว่า สามีย้ายมาอยู่ที่ สน.สุทธิสาร ได้ประมาณปีกว่า และทำหน้าที่ขับรถให้ พ.ต.อ.สุรเดช เด่นธรรม ผกก. ก่อนเกิดเหตุตอนเย็น สามีได้ชวนตนและลูกไปทานข้าวเนื่องในโอกาสวันเด็ก เพราะวันเสาร์ที่ 12 ม.ค. ติดภารกิจประจำโรงพัก จากนั้นสามีได้ขอตัวไปทำงานตามปกติ มาทราบอีกทีตอนเช้าว่าสามีนอนไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาล
นางทัศนีย์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาสามีไม่เคยบอกว่ามีเรื่องอะไรกับใคร
ตนเชื่อว่าสามีถูกลอบทำร้าย เพราะก่อนหน้านี้ได้ซื้อสเปรย์พริกไทยให้ตนและลูกเก็บไว้ป้องกันตัว ตอนที่เกิดเหตุสามีก็พกทั้งปืนและสเปรย์พริกไทย แต่ไม่ทันได้ใช้ ส่วนสาเหตุไม่ทราบแน่ชัด อาจจะเป็นเพราะสามีหน้าตาดี มีสาวๆ มาติดพันมาก สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ชายที่เป็นแฟนของผู้หญิงพวกนั้นก็เป็นได้ หรืออาจเป็นพวกจ้องอิจฉาในเรื่องที่สามีสนิทกับ ผกก.ก็ได้ เรื่องที่เกิดขึ้น อยากให้ตำรวจเร่งคลี่คลายตามจับตัวคนร้ายมาลงโทษจะได้รู้ว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร ด้าน พ.ต.อ.สุรเดช เด่นธรรม ผกก.สน.สุทธิสาร กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนและสอบสวนออกหาพยานในที่เกิดเหตุแล้ว เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเหตุเกิดจากเรื่องอะไร แต่คนร้ายไม่ได้ประสงค์ ต่อทรัพย์ จึงน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า