ฆ่าสาวโนโวเทลคุกตลอดชีวิตพ่อไม่พอใจยื่นอุทธรณ์

ประหารชีวิตคนขับรถจอมโหดฆ่าสาวนักบัญชีโรงแรมโนโวเทลทิ้งคูน้ำ จำเลยสารภาพศาลปรานีลดโทษตายเหลือจำคุกตลอดชีวิต พร้อมให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ครอบครัวผู้ตาย 1.4 ล้าน พ่อเหยื่อเตรียมยื่นอุทธรณ์ ระบุโทษจำคุกไม่สาสมกับที่ลูกสาวถูกกระทำ
 

 ที่ศาลจังหวัดพระโขนง ถนนสรรพาวุธ กทม. เมื่อเวลา 10.00 น.

วันที่ 27 ธันวาคม ศาลได้ออกนังบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีกระทำผิดต่อชีวิตที่ นายภาคินัย หรือรัตน์ จันทร์วิมาน อายุ 47 ปี พนักงานขับรถยนต์โรงแรมโนโวเทล ศรีนครินทร์ อดีต ตชด. เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปิดบังซ่อนเร้นทำลายศพ
 

 ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่าย เห็นว่า

โจทก์นำสืบพยานได้สอดคล้องต้องกันเป็นลำดับขั้นตอน ประกอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้ลงมือฆ่า น.ส.สุกานดา เมฆลอย อายุ 27 ปี พนักงานบัญชีของโรงแรมโนโวเทล โดยการใช้เนกไทรัดคอจนเสียชีวิต ก่อนชิงเอาทรัพย์สินของผู้ตาย รวมทั้งเงินสดของโรงแรม กว่า 5 แสนบาท ขณะจำเลยขับรถพาผู้ตายนำเงินสดไปฝากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศรีนรินทร์ ก่อนนำศพไปทิ้งในคูน้ำข้างทางภายในซอยเฉลิมพระเกียรติ 7 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. แล้วหลบหนีไป จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมได้ในภายหลังที่ จ.ชลบุรี ประกอบกับคำสารภาพของจำเลยทำให้ศาลเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดจริงตามฟ้อง
 

 พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย แต่คำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง

คงเหลือจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต และให้ชดใช้ค่าทรัพย์สินของผู้ตายที่จำเลยขโมยไปจำนวน 20,500 บาท ชดใช้เงินในส่วนของโรงแรมจำนวน 539,797.30 บาท รวมทั้งให้ชดใช้ค่าขาดไร้อุปการะ รวมทั้งค่าปลงศพกับบิดาและมารดาผู้ตายเป็นเงิน 1,440,000 บาท
 

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

 ในการฟังคำพิพากษาวันนี้ มีนายรัชดา เมฆลอย อายุ 48 ปี และนางสุมาลี นิ่มละออก อายุ 50 ปี บิดามารดาของผู้ตาย รวมทั้งกลุ่มญาติประมาณ 5-6 คน ได้มาร่วมติดตามด้วย โดยหลังจากศาลมีคำพิพากษาให้จำคุกนานภาคินัย นายรัชดาถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ พร้อมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ครอบครัวของตนรอคอยวันนี้มานานกว่า 9 เดือน และทุกคนยอมรับในผลของคำพิพากษาที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิตจำเลย แม้จะยังไม่พอใจนัก เพราะต้องสูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รักและเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของครอบครัวไป

 “ต่อจากนี้ผมคงต้องปรึกษากับทางผู้ใหญ่ รวมไปถึงพนักงานอัยการอีกครั้งหนึ่ง เพื่อขอใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป เพราะเห็นว่าโทษจำคุกตลอดชีวิตยังไม่สาสมกับสิ่งที่จำเลยทำกับลูกสาว” นายรัชดา กล่าว