ด.ต.หวิดดับกลางกรุง
เผยยืนโบกรถอำนวยการจร.หน้าด่านเก็บเงินด่วนพระราม 4-2 เจอจยย.ไม่สวมหมวกกันน็อกทั้งคนขับคนซ้อนท้าย แถมไม่มีกระจกมองข้าง เลยเรียกตรวจค้น แต่ขณะเขียนใบสั่งคนขับเดินอ้อมหลังชักปืนยิงใส่ โชคดีเอี้ยวหลบทันก่อนเข้าแย่งปืน ช่วงเกิดเหตุรถตร.บก.น.5 ผ่านมาพอดี ยิงใส่คนร้ายเผ่นหนีคนละทิศทาง ตามล่ามาได้ 1 ในสภาพเจ็บสาหัสให้การไม่ได้
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. พ.ต.ท.เดชา พรมสุวรรณ์ พงส.(สบ3) สน.ลุมพินี รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บริเวณหน้าด่านเก็บเงินขึ้นด่วนพระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วยพล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.5 รุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าด่านพบด.ต.บุญส่ง บรรจพินิจ ผบ.หมู่งานสายตรวจ 2 กก.1 บก.จร. ให้การว่า
ก่อนเกิดเหตุยืนอำนวยการจราจรบริเวณหน้าด่านเก็บเงิน ระหว่างนั้นมีรถจักรยานยนต์ฮอนด้า โซนิค สีน้ำเงิน ทะเบียน กบต-121 สุพรรณบุรี ผ่านมา เห็นว่าผู้ขับขับขี่และคนซ้อนท้ายไม่สวมหมวกกันน็อกและไม่มีกระจกข้างจึงเรียกให้จอดเพื่อขอดูใบขับขี่และออกใบสั่ง โดยผู้ขับขี่ยื่นใบขับขี่ให้แต่โดยดี แต่ระหว่างกำลังเขียนใบสั่งให้นั้น คนขับกลับเดินออกไปด้านหลังก่อนจะชักปืนออกมายิง เป็นจังหวะที่ตนเอี้ยวตัวพอดีทำให้กระสุนพลาด ตนจึงรีบใช้มือขวาปัดปืนคนร้ายซึ่งเป็นปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์และพยายามจะแย่งปืน
ด.ต.บุญส่ง กล่าวต่อว่า ช่วงกำลังชุลมุนอยู่นั้น เป็นจังหวะที่พ.ต.ท.ชูศักดิ์ แจ้งบำรุง รองผกก.สส.น.5 หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดบก.น.5 พร้อมด้วย ด.ต.ชาญชัย สายนะรัตนชัย และด.ต.สมยศ แสงน้ำ ผบ.หมู่งานสืบสวนกก.สส.น.5 ขับรถยนต์ผ่านมาจอดติดไฟแดงฝั่งตรงข้ามพอดี มองเห็นเหตุการณ์ลงจากรถมาและชักอาวุธปืนประจำกายยิงใส่คนร้ายบาดเจ็บบริเวณขา ทำให้คนร้ายทั้งสองต่างแยกย้ายกันหลบหนี โดยคนขับรถจักรยานยนต์วิ่งหนีไปทางถ.พระราม 4 ขาเข้า ส่วนคนซ้อนท้ายวิ่งไปทางโรงงานยาสูบ เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นายต่างแยกย้ายกันออกติดตามอย่างกระชั้นชิด
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จับกุมคนร้าย 1 คน คือ นายสถาพร ราชาชัย อายุ 32 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 52 ม.10 ต.นาคู่ อ.นาแก จ.นครพนม ถูกยิงได้รับบาดเจ็บขาซ้ายเหนือหัวเข่ากระสุนฝังใน ส่งรักษาตัวโรงพยาบาลจุฬาฯ แพทย์นำเข้าห้องผ่าตัดเพื่อเอากระสุนออก เบื้องต้นทราบว่าเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงด.ต.บุญส่ง แต่ยังไม่สามารถให้การได้ หลังแพทย์ผ่าตัดเสร็จสิ้นเจ้าหน้าที่อายัดตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ
ด้านพ.ต.ท.ชูศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนำชุดปราบปรามยาเสพติด บก.น.5 ล่อซื้อยาเสพติดในย่านคลองเตย แต่คนร้ายไหวตัวทันทำให้ไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ และในระหว่างที่นำชุดทำงานเดินทางกลับกองสืบได้ขับรถผ่านมาและจอดติดไฟแดง ระหว่างนั้นดาบตำรวจทั้งสองมองไปเห็น จึงได้ลงไปช่วยและติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุขึ้น พ.ต.ท.เดชา พรมสุวรรณ์ พงส.(สบ 3)
สน.ลุมพินี พ.ต.ท.พิษณุ พิทยาภรณ์ พงส.(สบ3) สน.ทุ่งมหาเมฆ เดินทางมายังที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบ ระหว่างนั้นทั้งคู่เกิดการถกเถียงกันถึงสถานที่เกิดเหตุ ระหว่างสน.ลุมพินี กับสน.ทุ่งมหาเมฆ ทำให้ไม่สามารถตกลงกันได้ ต่อมาพล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.5 เดินทางมาถึงจึงตัดสินโดยสั่งการให้พนักงานสอบสวนสน.ลุมพินีรับคดี รวมทั้งนายสถาพรที่ก่อเหตุ ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน รวมทั้งตรวจสอบประวัติว่าเคยก่อคดีที่ไหนมาบ้างหรือไม่ต่อไป