มือปืนสหรัฐฯโหดดักยิงวัยรุ่นคารถโรงเรียน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 11 ธ.ค. เกิดเหตุยิงกันที่เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา ในสหรัฐฯ โดยเมื่อประมาณ 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น


 คนร้ายอย่างน้อย 2 คน ดักยิงนักเรียนวัยรุ่นโรงเรียนมัธยมโมฮาวี ที่เพิ่งจะก้าวลงจากรถโดยสารของโรงเรียน มีผู้ถูกยิง 6 ราย ทั้งหมดอายุไม่ถึง 18 ปี ถูกนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง โดย 2 รายอาการสาหัส อีก 4 รายบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนและขา โรงพยาบาลอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว
 

ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน และยังไม่ทราบแรงจูงใจในการก่อเหตุ แต่คาดว่าคนร้ายเป็นชาย 2 คน ตำรวจพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. และ .45 ตกบริเวณที่เกิดเหตุ และเชื่อว่าคนร้ายดักซุ่มบริเวณถนนฝั่งตรงข้าม รอให้รถโดยสารของโรงเรียนมัธยมโมฮาวีขับออกจากโรงเรียนมาจอดที่จุดเกิดเหตุซึ่งห่างจากโรงเรียนประถม 2 แห่ง ราว 2 ช่วงตึก และเปิดฉากยิงใส่นักเรียนที่ก้าวลงจากรถอย่างโหดเหี้ยมก่อนวิ่งหลบหนีไป
 


นายโดจ์ กิลเลสพี หัวหน้าสารวัตรนักเรียนคลาร์ก คันทรี กล่าวว่า คนร้ายกำหนดสถานที่ก่อเหตุไว้ล่วงหน้า


ไม่ใช่การสุ่มกราดยิง และเชื่อว่าเหตุยิงกันดังกล่าวอาจเชื่อมโยงกับเหตุทะเลาะวิวาทเรื่องแย่งผู้หญิงของวัยรุ่น 3 คน ภายในโรงเรียนก่อนหน้านั้นราว 1 ชั่วโมง ซึ่งสารวัตรนักเรียนแยกตัววัยรุ่นทั้ง 3 คนได้ทัน ด้านตำรวจฝ่ายสืบสวนมองว่ามีความเป็นไปได้ที่คดีนี้มีเรื่องแก๊งเข้ามาพัวพัน และมีผู้ถูกควบคุมตัวมาสอบสวน 4-5 คน แต่ยังไม่มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยรายใดๆ ล่าสุด ตำรวจเผยว่า เหยื่อที่ถูกยิง 2 คน ซึ่งกำลังรักษาตัวในโรงพยาบาลอาจไม่ใช่นักเรียน และไม่ได้โดยสารมาบนรถโรงเรียนคันเกิดเหตุดังกล่าว
 

อนึ่ง เกิดเหตุยิงกันในสหรัฐฯบ่อยครั้ง เมื่อ 9 ธ.ค. เพิ่งเกิดเหตุกราดยิง 2 ครั้งในรัฐโคโลราโด ด้วยมือปืนคนเดียวกัน ที่สถาบันสอนศาสนาอาร์วา-ดาและโบสถ์ใน

มหาวิทยาลัยโคโลราโด สปริงส์ มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ รวมทั้งมือปืนวัย 24 ปี ซึ่งยิงตัวตายตาม ไม่ใช่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยิงเสียชีวิตตามรายงานก่อนหน้านั้น และเหตุวัยรุ่นบ้านแตกวัย 19 ปี กราดยิงผู้คนที่กำลังซื้อของกลางห้างสรรพสินค้าในรัฐเนบราสกา เมื่อ 5 ธ.ค. มีผู้เสียชีวิต 8 ศพ รวมทั้งมือปืนที่ยิงตัวตายตาม ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน เม.ย. มีเหตุกราดยิงกระฉ่อนโลกที่เกิดขึ้นในสถานศึกษา โดยฝีมือนักศึกษาเกาหลี มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเทค มีผู้เสียชีวิต 32 ศพ รวมมือปืนที่อัตวินิบาตกรรมอีกราย.


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์