ผบก.ปปป.มั่นใจพยานหลักฐาน มัด ศรีสุวรรณ-เจ๋ง-พิมณัฏฐา
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กระแสข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.00 น.ที่ผ่านมา เนื่องจากผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ของอธิบดีกรมการข้าว โดยเจ้าตัวเปิดเผยสั้นๆ ว่า ขณะนี้ตนเองอยู่ระหว่างการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน
และเมื่อสอบถามว่า ขณะนี้ให้ปากคำอยู่ที่ใด ใช่ที่กองบังคับการปราบปรามหรือไม่ เจ้าตัวตอบกลับ "ครับ" และเมื่อจะถามต่อว่าเข้าให้ปากคำที่ชั้นใด ก่อนถูกกดวางสายไป
กรณีตำรวจ บก.ปปป. ร่วมเจ้าหน้าที่ ปปท. และ ปปช. ซ้อนแผนจับ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน และนักร้องเรียนชื่อดัง พร้อมด้วยนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ และน.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ หลังร่วมกันข่มขู่เรียกเงินนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว จำนวน 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนตรวจสอบการบริหารงาน ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ พร้อมชี้แจงว่าถูกกลั่นแกล้ง ตามเสนอข่าวไปนั้น
โดยวันพรุ่งนี้ (29 ม.ค.) จะประชุมของคณะพนักงานสอบสวน รวมทั้งทีมกฎหมาย เพื่อดูว่าในสำนวนยังขาดอะไรอีกบ้าง และต้องแสวงหาอะไรเพิ่มเติมเพื่อนำมาประกอบสำนวนอีกหรือไม่
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่าถึงแม้การสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 จะปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา รวมทั้งอ้างว่าเป็นการกลั้นแกล้งนั้น แต่จากพยานหลักฐานที่มีอยู่ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะคลิปวิดีโอขณะส่งมอบเงินงวดแรก จำนวน 1 แสนบาท รวมถึงคลิปเสียงที่ถูกบันทึกไว้ขณะเจรจาต่อรองให้ผู้เสียหายยอมจ่าย เพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังพบคลิปเสียงเป็นเสียงของนายยศวริศพูดกล่าวอ้างถึงบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นนักการเมืองระดับสูง ลักษณะว่าเงินเหล่านี้จะนำไปดูแลผู้ใหญ่ นอกเหนือจากคลิปหลักฐานไฟล์เสียงต่างๆแล้ว เจ้าหน้าที่ยังมีหลักฐานสำคัญอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะข้อความแชทสนทนาผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ระหว่างน.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ กับนางธัญญรัตน์ ภรรยาของผู้เสียหาย ที่ระบุเนื้อหาชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาต่อรองเงิน
รวมทั้งข้อความหว่านล้อมข่มขู่ให้ยอมจ่ายเงิน ทั้งนี้หลักฐานทั้งหมดทำให้ระบุการทำหน้าที่ของผู้ต้องหาได้เป็นอย่างดี มีทั้งคนทำเอกสารร้องเรียน คนเจรจาต่อรองเรียกเงิน คนติดตามทวงถามเงิน และคนรับเงิน ทำให้ตำรวจมั่นใจในหลักฐานว่า สามารถเอาผิดผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดได้