พ่อปลื้ม5Gขอร้องทั้งน้ำตา อย่าเพิ่งตัดสินว่าลูกเป็นหัวโจกยิงวัยรุ่น15
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอาชญากรรม พ่อปลื้ม5Gขอร้องทั้งน้ำตา อย่าเพิ่งตัดสินว่าลูกเป็นหัวโจกยิงวัยรุ่น15
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 66 นายภิญโญ อายุ 46 ปี หรือ จินจุ้ง ชะชะช่า นักแสดงตลก และเป็นพ่อของ ปลื้ม 5G ซึ่งเป็นหนึ่งในเพื่อนกลุ่มรามคำแหง 60 ที่เป็นกลุ่มอริก่อเหตุยิงเยาวชนวัย 15 ปี กลุ่มพัฒนาการ 53 เสียชีวิต เปิดใจกับสื่อมวลชน ว่า ลูกชายของตนไม่ได้เป็นมือปืนที่ไปก่อเหตุยิงเยาวชนคนดังกล่าว และไม่ใช่หัวโจกตัวตั้งตัวตีของแก๊ง ตนยอมรับว่าข่าวที่นำเสนอออกไปก่อนหน้านี้ ทำให้ลูกชายของตนเสียหายอย่างมาก จนเสียการเสียงาน จึงอยากร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายของตนว่า เขาอยู่ในเหตุการณ์คืนนั้นจริง แต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง จนเป็นเหตุทำให้เกิดการเสียชีวิต พร้อมขอโทษไปยังครอบครัวของเสียชีวิต และวิงวอนสังคมว่าอย่าตัดสินลูกชายของตนไปก่อน
นายภิญโญ กล่าวด้วยว่า ตนเพิ่งทราบข่าวจากพี่ชายของนายปลื้มเมื่อคืนประมาณ 20.00 น. ว่า ปลื้มถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวไปที่ สน.ประเวศ เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ ทำให้ตนกังวลใจและนอนไม่หลับ ตนพยายามที่จะโทรศัพท์และส่งข้อความบอกลูกว่า มีอะไรให้พูดความจริงกับตำรวจ เราเป็นลูกผู้ชายต้องยอมรับผิด ซึ่งตอนนั้นลูกชายก็รู้สึกกลัว และวิตกกังวลอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ลูกถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำเช่นนี้
ในคืนวันเกิดเหตุ ลูกชายต้องตามไปเล่นคอนเสิร์ตกับศิลปินลูกทุ่งชื่อดังคนหนึ่ง ที่เชียงใหม่ แต่ภายหลังลูกแจ้งมาว่า ขอไปซื้อเสื้อมือสอง ที่ตลาดแห่งหนึ่งแถวนวมินทร์ เพื่อนำมาขายออนไลน์ในคืนนั้น ได้แจ้งกับหัวหน้าวงแล้ว ตนก็อนุญาต จึงเข้าใจว่าคืนนั้นลูกน่าจะอยู่ที่ตลาดดังกล่าว คาดว่าเมื่อกลุ่มเพื่อนของลูกมีเรื่องเกิดขึ้นกับกลุ่มวัยรุ่นพัฒนาการ 53 จึงมีการโทรศัพท์ชวนให้ปลื้ม ไปหาเพราะมีเรื่อง
ส่วนประเด็นที่ว่าลูกชายโทรศัพท์ไปท้ามีเรื่องกับกลุ่มพัฒนาการ 53 ตนเชื่อว่าน่าจะมี เพราะด้วยความวัยรุ่นเลือดร้อน อาจจะมีการโทรศัพท์เพื่อท้าตีท้าต่อยกันบ้าง แต่ตนไม่เชื่อว่าลูกของตนจะเป็นหัวโจกตัวตั้งตัวตีในเหตุการณ์คืนนั้น โดยเฉพาะที่มีข่าวบางสำนักนำเสนอว่า ลูกชายตนเป็นหัวหน้าแก๊งรามคำแหง 60 ทั้ง ๆ ที่เขาอายุ 15 ย่าง 16 ปี จะไปเป็นหัวหน้าแก๊งได้อย่างไร อีกทั้งปกติแล้วบ้านของปลื้มอยู่ที่ปทุมธานี แต่มาอาศัยอยู่กับตนย่านรามคำแหง เพื่อเรียนหนังสือบริเวณนี้ และไม่ได้คลุกคลีกับกลุ่มแก๊งรามคำแหง 60 มากเท่าที่ควร จึงขอวิงวอนสังคมว่าอย่าตัดสินลูกชายตนว่าเป็นหัวโจก ลูกชายตนกำลังเด็กอยู่ ขอให้สงสารเด็กด้วย
นอกจากนี้ หลังจากที่ลูกชายตนเข้าให้ปากคำกับตำรวจ สภาพจิตใจของลูกชายย่ำแย่มาก และอยู่ในอาการที่หวาดกลัวตกใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาถูกตำรวจเรียกสอบ นายภิญโญ กล่าวทั้งน้ำตาว่า เมื่อลูกชายกลับมาถึงบ้านตอนประมาณเที่ยงคืน ก็คลานเข่าเข้ามาก้มกราบที่เท้าและกอดขาตน พูดสำนึกผิดว่า "พ่อปลื้มขอโทษ ปลื้มไม่น่าไปหาเพื่อนในคืนนั้นเลย" ในฐานะคนเป็นพ่อก็รู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างจากลูก และเป็นครั้งแรกที่ลูกชายคลานเข่ามากราบขอโทษ ปกติลูกชายจะกราบตนในวันพ่อวันแม่เท่านั้น ตนก็เข้าใจความรู้สึกของลูก เพราะสมัยเด็กตนก็เคยขึ้นโรงพักเช่นเดียวกัน เมื่อคืนตนก็ไม่ได้ด่าลูก แต่ได้พูดสอนเตือนสติลูกว่า ให้จดจำไว้เป็นบทเรียนและคิดเอาเอง ขนาดคนอื่นยังเอาตัวรอด ต่างคนต่างทิ้งหนีกันไป ไม่มีใครช่วยรักเราจริงและขอให้ลูกคิดทบทวนการคบหากับเพื่อนกลุ่มนี้ใหม่ว่า จะยังคบกับเพื่อนกลุ่มนี้ต่อไปหรือไม่ เพราะคบไปก็มีภัยสู่ตนเอง
นายภิญโญ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาลูกชายของตน เป็นคนเฮฮา ซึ่งเมื่อคืนนี้ลูกชายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาลูกก็เคยมีเรื่องมีราวกับเพื่อน ๆ บ้างตามประสาลูกผู้ชายวัยรุ่น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการชกต่อย กันตามปกติ ไม่เคยใช้อาวุธ และบางทีถ้าลูกชายตนสู้ไม่ไหว ก็จะยอมยกมือขอโทษ นายภิญโญ ยกมือร้องขอสังคมทั้งน้ำตาว่า ขอให้สงสารลูกชายตนกับครอบครัว อย่าเพิ่งตัดสินหรือเชื่อว่าลูกชายของตนเป็นหัวโจก ที่ผ่านมาตนเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวเลี้ยงลูกชายคนนี้มาด้วยมือของตน ขอให้สังคมแคร์ความรู้สึกของตนด้วย และขอว่าอย่านำศิลปินคนดังที่ปรากฏในข่าวมาเกี่ยวข้อง เพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไรกับเหตุการณ์ครั้งนี้
อีกทั้ง ร้องขอให้สำนักข่าวต่าง ๆ ช่วยนำเสนอข้อเท็จจริงอีกด้านจากฝั่งของตนด้วย เพราะข่าวที่นำเสนอออกไปก่อนหน้านี้ ทำให้ลูกชายตนได้รับความเสียหายและเสี่ยงที่จะถูกเลิกจ้างงานร้องเพลง เพราะลูกชายของตนเองนั้นมีพรสวรรค์ด้านดนตรีอย่างมาก และการทำงานของเขาก็เป็นการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเขาเอง ตนก็ไม่อยากให้ลูกชายเสียอนาคตจากเหตุการณ์ครั้งนี้
"แก๊งรามคำแหง 60 นั้น ผมไม่เคยเจอหน้าและรู้จักมาก่อน ลูกชายก็ไม่เคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเพื่อนกลุ่มนี้ แต่คาดว่าที่ลูกรู้จักกับแก๊งนี้ เนื่องจากลูกชายเรียนอยู่ที่โรงเรียนย่านรามคำแหง จึงน่าจะรู้จักกับเพื่อนกลุ่มนี้แบบต่อ ๆ กัน เลยไม่รู้นิสัยใจคอหรือพฤติกรรมของแก๊งรามคำแหง 60 ผมขอกราบขอโทษแทนลูกชายไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ก็เข้าใจหัวอกครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นอย่างดี ว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับลูกชายของผม จะทำเช่นไร รวมทั้งฝากถึงผู้ก่อเหตุว่า ขอให้เป็นลูกผู้ชายออกมายอมรับผิด และออกมามอบตัวต่อสู้คดี ไม่ใช่โยนภาระให้คนอื่นต้องมารับกรรมเช่นนี้" นายภิญโญ กล่าว