ศาลสั่งคุก ประสิทธิ์ เจียวก๊ก 1,155 ปี ให้ชดใช้กว่า1,000ล้านบาท


ศาลสั่งคุก ประสิทธิ์ เจียวก๊ก 1,155 ปี ให้ชดใช้กว่า1,000ล้านบาท

ศาลอาญาพิพากษาจำคุก "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" 1,155 ปี แต่ให้ลงโทษตามกฎหมายสูงสุด 20 ปี กรณีหลอกลงทุนเว็บไซต์ซื้อ-เช่าสินค้าแบรนด์เนม พร้อมชดใช้ค่าเสียหายอีกนับ1,000 ล้านบาท

วันนี้ 3 ก.ค. 2566 ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลมีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 เป็นโจทก์ฟ้องที่นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก กับพวกรวม 9 คนในฐานความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527, และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กรณีที่จำเลยและพวกได้ ได้ร่วมกันเปิดบริษัทซื้อแล้วปล่อยเช่ากระเป๋าแบรนด์เนม เมื่อปี 2463-2564 มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท

 




ศาลสั่งคุก ประสิทธิ์ เจียวก๊ก 1,155 ปี ให้ชดใช้กว่า1,000ล้านบาท

โดยศาลได้พิจารณาพยานหลักฐานทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย พบว่าจากจำเลยที่ 1-2-3 มีการกระทำความผิดตามฟ้องเนื่องจากจำเลยได้ใช้ข้อความอันเป็นเท็จโฆษณาชักชวนให้ผู้เสียหายเข้าร่วมลงทุนโดยเป็นการทุจริต อีกทั้งยังให้ผลตอบแทนในอัตราสูงกว่าที่สถาบันการเงินกำหนด โดยที่รู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถประกอบกิจการให้ผลตอบแทนได้ จึงถือว่าบริษัท วีเลิฟยัวแบ็ก (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท เหนือโลก จำกัด และนายประสิทธิ์ จำเลยที่ 1 , 3 , 4 ร่วมกับทุจริตหลอกลวง มีความผิดตามฟ้อง

แต่เป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษข้อหาหนักสุดคือร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ให้ปรับ 321 กระทง กระทงละ 5 แสนบาท รวมปรับจำเลยทั้ง 3 ราย รายละ 145,500,000 ล้านบาท และจำคุกนายประสิทธิ์ กระทงละ 5 ปี รวม 1,155 ปี แต่ให้ลงโทษตามกฎหมายสูงสุด 20 ปี และให้จำเลยทั้ง 3 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาทคืนให้ผู้เสียหายตามฟ้อง พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี

ศาลสั่งคุก ประสิทธิ์ เจียวก๊ก 1,155 ปี ให้ชดใช้กว่า1,000ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จำเลยบางรายได้ต่อสู้คดีว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด โดยบางรายอ้างว่าได้ลาออกจากบริษัทแล้วในขณะที่จำเลยบางรายอ้างว่าเป็นเพียงลูกจ้างหรือเลขาไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำความผิด หรือเป็นผู้ซื้อทองมาร่วมลงทุน จึงพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 5 6 7 8 9 พิพากษายกฟ้องแต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์

ทั้งนี้ อธิบดีศาลได้มีความเห็นแย้งเนื่องจากเห็นว่าจำเลยทั้ง 9 รายมีพฤติการณ์และหลักฐานที่เชื่อได้ว่าร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เป็นตัวการร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน มีการกระทำเป็นขบวนการ และความสัมพันธ์ใกล้ชิดเชื่อมโยงกับนายประสิทธิ์และบริษัทไม่อาจอ้างได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของจำเลยจึงเห็นว่าจำเลยทั้งเก้ามีความผิดตามฟ้อง

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ศาลเคยนัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ แต่เนื่องจากเอกสารในคดีมีจำนวนมาก ทำให้ศาลพิจารณาไม่แล้วเสร็จ จึงเลื่อนมาฟังคำพิพากษาในวันนี้


เครดิตแหล่งข้อมูล : www.pptvhd36.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์