แห่แจ้งความ เจ้าของเนอร์สเซอรี่หาดใหญ่ ทำร้ายเด็ก
วันที่ 6 เม.ย.66 ผู้ปกครองเด็กเล็กในพื้นที่หาดใหญ่ จ.สงขลา นำคลิปและภาพนิ่งร้องเรียนกับสื่อมวลชน ถึงพฤติกรรมเจ้าของเนอร์สเซอรี่แห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ใช้ความรุนแรง ทำร้ายร่างกายเด็ก เตรียมรวบหลักฐานแจ้งความดำเนินคดี ในขณะที่อดีตพี่เลี้ยงเด็กแฉพฤติกรรมเจ้าของควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ตำรวจประสาน พมจ.สงขลา เตรียมสั่งปิดชั่วคราวแล้ว
ทนายอาร์ม หนึ่งในผู้ปกครองของเด็ก ได้นำคลิปและภาพถ่าย ที่แสดงพฤติกรรมเจ้าของเนอร์สเซอรี่ ใช้ความรุนแรงกระทำต่อเด็กเกือบทุกคน ที่ได้รับมาจากอดีตพี่เลี้ยงแอบถ่ายเก็บไว้ และส่งให้ผู้ปกครองของเด็กรับทราบ ซึ่งเป็นคลิปวิดีโอของเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งพบว่าบริเวณรอบเบ้าตาของเด็กมีรอยแดงช้ำ ซึ่งเสียงในคลิปได้อ้างว่า น้องถูกเจ้าของเนอร์สเซอรี่ทำร้ายร่างกาย นำเด็กไปอีกห้อง ก่อนหน้าเด็กจะโดนทำร้ายร่างกายรอบๆ เบ้าตาของเด็กยังคงปกติ ไม่มีร่องรอยอะไรบนใบหน้า แต่หลังจากเด็กกลับมาปรากฏรอย นอกจากนั้นยังมีภาพถ่าย ที่ถูกระบุว่า เป็นเจ้าของคนเดียวกันนี้ กำลังทำร้ายร่างกายเด็ก
ทนายอาร์ม เล่าว่า หลังจากได้รับทราบข้อมูล พยายามเก็บรวบรวมพยานและหลักฐานจากผู้ปกครองเด็กหลายคน โดยเขาจะนำเรื่องนี้ไปร้องเรียนกับผู้ว่าราชการ จ.สงขลา และจะเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง ให้กับผู้ปกครองทุกท่าน ในส่วนของคดีอาญา คงจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้มากกว่านี้ ที่จะต้องมีข้อมูลข้อเท็จจริงที่ ที่อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากเนอร์สเชอรี่แต่อย่างใด และเขามีข้อมูลว่าเจ้าของมีพฤติกรรมทำร้ายเด็กตั้งแต่ปี 63
"ผมอยากให้โรงเรียนออกมาแสดงความรับผิดชอบ ส่วนหนึ่งโรงเรียนผมไม่ได้บอกว่าโรงเรียนไม่ดีนะครับ โรงเรียนดี แล้วผมก็พอใจการเรียน ผมจึงเอาลูกคนที่สองเข้าไปเรียน อย่างที่บอกผมมีลูกสองคนนะ คนเล็กเพิ่งเอามาเพราะเราพอใจ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ การควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ของเจ้าของท่านนี้ เพราะฉะนั้นถ้าออกมายอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องจริง แล้วคุณจะเยียวยาให้ผู้ปกครอง หรือคุณจะมาแก้ไขอย่างไรต่อสังคม คุณก็แจ้งมา ผมเชื่อว่าการพูดคุยไกล่เกลี่ยก็เป็นทางออกที่ดีที่สุด ส่วนของคดีอาญาหากพยานหลักฐานมันถึงก็ต้องว่าไปตามกระบวนการทางกฎหมาย" ทนายอาร์ม กล่าว
รายงานว่าทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณแม่ของเด็กหญิงในคลิป ที่อ้างว่าถูกทำร้ายจนบริเวณขอบตาเป็นรอยช้ำ คุณแม่ของน้องบอกว่า วันที่เกิดเหตุคุณครูบอกว่าน้องร้องไห้หนักมาก และมีผื่นแดงเป็นจ้ำเลือดบริเวณรอบตา น่าจะเป็นภูมิแพ้ เนื่องจากเคยมีเด็กอีกคนมีลักษณะเช่นเดียวกัน แต่เป็นผื่นขึ้นทั้งใบหน้า และได้สอบถามเพื่อนที่เป็นหมอก็ทราบว่าอาจจะมีความเป็นไปได้ ที่จะเกิดจากการร้องไห้หนัก จนเส้นเลือดขอบตาแตก และหลังจากเป็นข่าวทางโรงเรียนได้ชี้แจงในกลุ่มของผู้ปกครองว่า ไม่เป็นความจริง เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาภายใน แต่ในวันนี้เธออยากรู้ความจริงกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกสาวของเธอ
"ขอดูกล้องวงจรปิด เขาให้คำตอบมาว่า เขาจะสามารถปล่อยให้ลูกของเราชักดิ้นชักงอตรงกลางสาธารณะชนได้หรือ เขาต้องให้พาน้องออกไปจากที่เพื่อนทำกิจกรรม ไม่งั้นเพื่อนจะทำกิจกรรมไม่ได้ เขาต้องพาน้องไปสงบในห้องปฐมพยาบาลค่ะ ในส่วนของห้องปฐมพยาบาลก็ไม่มีกล้องวงจรปิด เพราะเป็นพื้นที่ส่วนตัว" แม่ของเด็ก กล่าว
ขณะที่อดีตพี่เลี้ยงเด็ก ซึ่งปัจจุบันได้ลาออกมาแล้ว เล่าถึงพฤติกรรมของเจ้าของเนอร์สเซอรี่ว่า เขามีนิสัยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ถ้ามีเด็กร้องก็จะเอาเด็กออกไปทำร้าย เด็กที่นั่นดื่มนมกล่อง ถ้าเด็กคนไหนไม่ดื่มก็จะบีบใส่หัวเด็ก รวมทั้งขึ้นไปนั่งทับตัวเด็ก แล้วใช้มือกด เธอก็ทำได้แค่แอบถ่ายรูป ส่วนคลิปที่น้องตาช้ำ เขาก็บอกผู้ปกครองว่าเด็กเป็นภูมิแพ้ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ ทั้งหมดนี้เป็นเหตุการณ์ที่รับไม่ได้จริงๆ และเป็นสาเหตุที่ตัดสินใจลาออก ก่อนจะนำคลิปและภาพส่งให้ผู้ปกครองของเด็ก และอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยลงมาดูแล ตรวจสอบเนอร์สเซอรี่แห่งนี้ด้วย
ทีมข่าวได้เดินทางไปยังเนอร์สเซอรี่ เพื่อตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น โดยพบว่า ในวันนี้ยังคงเปิดเรียนตามปกติ แต่พบว่า ได้มีบรรดาผู้ปกครอง ทยอยเดินทางมารับบุตรหลานของตัวเองกลับบ้าน และเมื่อทีมข่าว ได้สอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ภายในเนอร์สเซอรี่ เพื่อจะขอเข้าพบกับเจ้าของ ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้จากนั้นเมื่อเวลา 16.00 น. ทนายอาร์ม พร้อมด้วยผู้ปกครองของเด็ก 5 คน ได้เดินทางมายัง สภ.หาดใหญ่ เพื่อให้ข้อมูลกับ พ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์ ผกก.สภ.หาดใหญ่ โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สงขลา เข้าร่วมรับฟังข้อมูล
พ.ต.อ.ภูมิ กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งจากทางผู้เสียหาย ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบเนอร์สเซอรี่ พร้อมกับเจ้าหน้าที่จาก พม.แล้ว เบื้องต้นพบว่ามีใบอนุญาตขอเปิดกิจการถูกต้อง เปิดมาได้มา 5- 6 ปี ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และทำแผนผังภายในเนอร์สเซอรี่ทั้งหมดไว้แล้ว โดยจุดสำคัญคือห้องพยาบาลที่เกิดเหตุ ที่ตรวจสอบไม่พบกล้องวงจรปิดภายในห้อง
"ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ วันที่ 7 เม.ย.พัฒนาสังคมจะทำหนังสือแจ้งสถานประกอบการให้ระงับการประกอบการเป็นการชั่วคราว และหากการสอบสวนเพิ่มเติม พยานหลักฐานมีเพียงพอและชัดเจนพัฒนาสังคมจะสั่งให้ ยุติการประกอบการคือให้ปิด" พ.ต.อ.ภูมิ กล่าว
พ.ต.อ.ภูมิ กล่าวต่อว่า ตำรวจจะต้องขอสอบปากคำผู้เสียหาย และพยานก่อน หากพบหลักฐานหรือข้อมูลเชื่อมโยงในการกระทำความผิดจะมีการเรียกเจ้าของเนอร์สเซอรี่มาสอบปากคำ ซึ่งวันนี้ที่ทีมสืบสวนเข้าไปตรวจสอบ ไม่พบตัวเจ้าของแล้ว และหากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง จะเข้าข่ายความผิดในส่วนของการทำร้ายร่างกาย กับ ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ซึ่งในส่วนนี้ต้องมีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ พม.