ตร.เผยสาเหตุคนขับเบนท์ลีย์ไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ แต่ขอตรวจเลือดแทน
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอาชญากรรม ตร.เผยสาเหตุคนขับเบนท์ลีย์ไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ แต่ขอตรวจเลือดแทน
พลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีของรถหรูเบนท์ลีย์ซิ่งบนทางด่วนชนกับรถปาเจโร่ บนทางพิเศษเฉลิมมหานคร จากถนนสุขสวัสดิ์มาประมาณ 9-10 กิโลเมตร มุ่งหน้าดินแดง ว่า จากเหตุการณ์อุบัติเหตุดังกล่าว ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 8 ราย ขณะนี้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 5 ราย และอยู่ระหว่างรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 3 ราย
โดยเบื้องต้นจากการรายงานของพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ได้แจ้งข้อกล่าวหาในส่วนของคนขับรถหรูเบนท์ลีย์ไปแล้ว 1 ข้อหา คือ "ขับรถโดยประมาท เฉี่ยวชนผู้อื่น เป็นเหตุให้รถผู้อื่นพังเสียหายและทำให้ได้รับบาดเจ็บ" ส่วนข้อหาอื่นๆ นั้น โดยเฉพาะผลการตรวจวัดแอลกอฮอล์และสารเสพติด ยังต้องรอผลจากโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งรัดผลจากแพทย์ เบื้องต้นคาดว่าจะรู้ผลภายในวันพรุ่งนี้
ส่วนไทม์ไลน์ของการตรวจวัดแอลกอฮอล์หลังเกิดเหตุ พบว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นเวลา 00.35 น. จากนั้นพนักงานสอบสวนและกู้ภัยการทางได้ไปถึงยังที่เกิดเหตุ และได้นำตัวผู้ขับขี่รถหรูเบนท์ลีย์ไปยัง สน.ทางด่วน 1 ทันที ใช้เวลาชั่วโมงเศษ ก่อนส่งตัวไปยังโรงพยาบาลตำรวจในช่วงเวลา ตี 1 เศษ เพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด โดยยืนยันว่าผู้ขับขี่รถหรูเบนท์ลีย์ ยินยอมให้ตรวจโดยดี แต่สาเหตุที่ไม่ได้เป่าวัดแอลกอฮอล์ในช่วงเกิดเหตุเลย เนื่องจากเจ้าตัวหน้าอกกระแทกรถ ได้รับบาดเจ็บ จึงไม่สามารถเป่าลมได้เต็มแรง และแรงลมน้อย ตอนนั้นพนักงานสอบสวนจึงพิจารณาให้ตรวจเลือด เพราะเครื่องเป่าไม่เสถียร ค่าไม่ชัด ซึ่งยืนยันการตรวจเลือดดังกล่าวนั้น "แม่นยำและเสถียรมากกว่าการเป่าแน่นอน"
โดยหลังจากการตรวจเลือดที่โรงพยาบาลตำรวจเสร็จแล้วนั้น พนักงานสอบสวนได้เรียกให้ผู้ขับรถหรูเบนท์ลีย์กลับมาที่ สน.ทางด่วน 1 ก่อนแจ้งข้อหาในวันดังกล่าวทันที และได้มีการปล่อยตัวชั่วคราวตามกระบวนการของกฎหมาย ส่วนประเด็นกระแสข่าวที่ระบุว่า ตำรวจได้ส่งให้ตรวจเลือดในช่วงเวลา ตี 5 แล้วนั้น ขอเวลาตรวจเวลาที่ชัดเจนจากทางโรงพยาบาลตำรวจอีกครั้ง
ขณะที่ผลการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐานในเรื่องของความเร็วขณะขับขี่ เบื้องต้นหากพบว่าใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป พร้อมกันนี้ขณะนี้ยังต้องรอผลการตรวจร่างกายของแพทย์ด้วย หากพบว่าผู้บาดเจ็บมีอาการสาหัส ก็ต้องแจ้งข้อหาเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน
ส่วนกรณีที่มีการรณรงค์ว่าไม่เป่า = เมานั้น เรื่องนี้ ขอยืนยันว่า เคสนี้เป็นการ "ยินยอมตรวจ" และแพทย์จะเป็นผู้ยืนยันผลได้อย่างชัดเจนจากการตรวจเลือดมากกว่าเป่า และค่าแอลกอฮอล์จากเลือด กว่าจะลดลงและเจือจางใช้เวลานานมาก ผลจึงชัดเจนมากกว่าตรวจด้วยลมหายใจ โดยเรื่องนี้ทางตำรวจทำงานด้วยความโปร่งใส และนำหลักฐานทุกอย่างมาประกอบสำนวนคดี เพื่อไปยืนยันในชั้นศาล
ทั้งนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังระบุถึงประเด็นที่ผู้ขับรถหรูเบนท์ลีย์พยายามหนีขึ้นแท็กซี่หลังเกิดเหตุนั้น ว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงมีข้อมูลการตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนและการเสียภาษีแล้ว พบว่า "ถูกต้อง และยังไม่มีข้อมูลผิดแปลกแต่อย่างใด"
ส่วนความรู้ในเรื่องของข้อกฎหมายเรื่องอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนนั้น จะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบ หักหลบนี้ถือว่ามีความผิดตามข้อกฎหมาย โดยเฉพาะเคสหนักที่มีผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิต จะต้องตรวจแอลกอฮอล์ทุกเคส ซึ่งตามกฏหมายหากผู้ขับขี่ไม่ยินยอมให้ตรวจ สันนิษฐานได้ว่าเป็นผู้ขับขี่ที่เมาสุรา
อย่างไรก็ตามได้มีผลตัดแต้มใบขับขี่ผู้ขับขี่รถหรูเบนท์ลีย์แล้ว 4 คะแนน เหตุขับรถขณะเมาสุรา เริ่มมีผลวันนี้ (9 มกราคม 2565).
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น