สรุปคดีหลานฆ่ายายยัดถังโป๊ะแตกจากแชท -เผยเหตุจูงใจทำไปเพราะ...
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอาชญากรรม สรุปคดีหลานฆ่ายายยัดถังโป๊ะแตกจากแชท -เผยเหตุจูงใจทำไปเพราะ...
จากกรณีพบศพผู้เสียชีวิต ถูกฆ่ายัดถังพลาสติก ที่บริเวณชายเขาชะโอย ม.10 ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ริมถนนสาย 340 สุพรรณบุรี -ชัยนาท หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวน หาพยานหลักฐาน จนสามารถสืบทราบว่าผู้เสียชีวิตคือ นางสมศรี ม่านกระโทก อายุ 62 ปี เป็นชาว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
จากนั้นชุดสืบลงพื้นที่ พบกับนายดำรงค์ สามีของนางสมศรี ทราบว่านางสมศรี ไปอยู่กับหลานสาววัย 17 ปี ที่ไปเรียนอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา จากนั้นตำรวจได้เดินทางไปหาหลานสาวที่ห้องพักแต่ไม่พบ
กระทั่งวันที่ 15 ก.พ. พ.ต.ท.จาตุรนต์ ปัจฉิม รอง ผกก.สภ.แม่สอด ได้ทำการจับกุมหลานสาว เเละนายปฏิพล หรือพล อายุ 23 ปี หลังจากนั่งรถตู้โดยสาร มุ่งหน้าเข้าสู่ชายแดนแม่สอด คาดว่าจะไปยังบ้านของนายพล ซึ่งฝ่ายสืบสวนได้ประสานตำรวจพื้นที่ เจ้าของคดี สภ.บางนางบวช จ.สุพรรณบุรี มารับตัวไปสอบสวน
ขณะที่นางเจริญศีร ไววัฒถา ลูกสาวนางสมศรี ม่านกระโทก เดินทางมาเพื่อรอดูศพมารดา แต่ศพขณะนี้ส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลตำรวจ กรุงเทพมหานคร
นางเจริญศรี ให้ข้อมูลว่า ตนเองเป็นลูกสาวแท้ๆ ของนาง สมศรี ไม่ใช่ถูกเก็บมาเลี้ยงตามที่ข่าวนำเสนอไปก่อนหน้านี้ ตนเองมีลูก 5 คน ผู้ก่อเหตุเป็นผู้หญิง เป็นลูกคนที่ 4 ที่ยกไปให้นางสมศรี ซึ่งมีศักดิ์เป็นยายเลี้ยง ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ
ที่ผ่านมา นางสมศรี ดูแลผู้ก่อเหตุเป็นอย่างดี อยู่ในสายตาตลอด แม้กระทั่งไปเรียนใน จ. นครราชสีมา ก็เดินทางไปอยู่ด้วย และมักจะมีปากเสียงประจำกับหลาน แต่โมโหง่ายหายเร็ว นางสมศรี มีนิสัยชอบเล่นหวย และจะถูกได้เงินงวดละ 40,000-50,000 บาทเป็นประจำ ตนเองไม่เชื่อว่าชนวนเหตุ จะเป็นเงิน 100,000 บาท ที่ถูกงวดล่าสุด และอยากถามลูกว่าทำไปด้วยอะไร ทำไมถึงกล้าทำกับยายแท้ๆ ได้
นางเจริญศรี ลูกสาวผู้เสียชีวิต บอกว่าได้โทรคุยกับผู้เสียชีวิต ครั้งล่าสุดวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาซึ่งผู้เสียชีวิตเดินทางกลับมาบ้านที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี พร้อมกับผู้ก่อเหตุ แต่ว่าไม่ได้เข้าไปที่บ้าน เนื่องจากผู้เสียชีวิตกลัวโควิด-19 ซึ่งสอดคล้องกับภาพวงจรปิดที่คาดว่า หลานสาวและนางสมศรี กำลังเดินทางกลับไปที่ จ.นครราชสีมา
และสอดคล้องกับภาพวงจรปิดที่นางสมศรีและหลานสาวเดินทางมาซื้อตั๋วรถไฟเมื่อเวลา 10.47 น. ของวันที่ 7 ก.พ. จำนวน 2 ใบ ขบวนรถไฟรถด่วนพิเศษปรับอากาศ ขบวนที่ 47 แก่งคอย-นครราชสีมา ซึ่งรถออกจากสถานีแก่งคอย เวลา 12.22 น. ถึงสถานีปลายทาง เวลา 14.52 น.
ในขณะที่แม่ของผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน ได้เจอหน้ากัน และถามถึงเหตุแรงจูงใจในการฆ่าครั้งนี้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างไม่ทราบว่าลูกของตัวเองคบกัน และออกไปลงมือด้วยกันเพราะอะไร ไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นเรื่องเงิน
ขณะที่นายดำรงค์ สามีนางสมศรี และเป็นพ่อของนางเจริญศรี บอกว่าหลังจากทราบข่าว เดินทางมาจาก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้คุยกับผู้ก่อเหตุทางโทรศัพท์แล้ว ซึ่งผู้ก่อเหตุพูดขอโทษ และบอกว่าทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เนื่องจากโดนยายด่าสะสมมานาน
ขณะที่ตำรวจได้พยายามสอบถามหลานสาว ก็บอกว่า ตนเองเพิ่งรู้จักกับนายพล เป็นครั้งแรกผ่านทางแอปพลิเคชั่น ที่ผ่านมายาย (ผู้เสียชีวิต) มาอยู่ดูแลเธอที่โคราช เพราะต้องมาเรียนอยู่ที่นี่ แต่ยายเข้มงวดบังคับเรื่องต่างๆ นานา มานานหลายปี
กระทั่งวันเกิดเหตุได้ทะเลาะมีปากเสียงกับยาย จึงโทรหานายพล ให้มาหาที่ห้องพัก ตนจึงลงมือบีบคอยายสุดกำลัง แต่ยายยังไม่เสียชีวิต นายพลเลยช่วยจนยายสิ้นใจ จากนั้นก็ทิ้งศพยายไว้ในห้องพัก และได้ขับไปจนถึง จ.ลพบุรี เพื่อหาที่ทิ้งศพ แต่ก็ไม่เจอสถานที่เหมาะสม
จึงกลับไปห้องพัก ใช้ผ้าห่มห่อร่างยายมัดด้วยเชือกฟาง ช่วยกันแบกใส่ท้ายกระบะ และออกตระเวนหาที่ทิ้งอีกครั้ง จนใกล้จะเช้าก็ยังไม่ได้ที่ทิ้งศพ จากนั้นเห็นถังขยะสีน้ำเงินริมทาง จึงเอามาใส่ศพเพื่ออำพรางตา และซื้อดินมาใส่ในถังอีกชั้น และขับตระเวนต่อจนเจอจุดที่ทิ้ง เพราะเป็นป่า ไม่คิดว่าจะมีใครเห็น เมื่อทิ้งศพเสร็จก็กลับห้องพักที่ จ.นครราชสีมา กระทั่งเริ่มมีข่าวออกมา จึงได้นัดแนะกับนายพล เพื่อที่เดินทางไปบ้านนายพลที่ จ.ตาก
ซึ่งสอดคล้องกับแชทที่ทั้งคู่คุยกันหลังจากก่อเหตุฆ่ายายแล้ว เพื่อที่จะหนีไปที่บ้านนายพล ที่ จ.ตาก
และล่าสุด เมื่อเวลา 18.00 น. เมื่อวานนี้ 16 ก.พ. พ.ต.ท.ชาญ เอี่ยมวิจารณ์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี พร้อมด้วยชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 ได้เข้าตรวจสอบเก็บพยานหลักฐาน ภายในห้องเช่าหลังหนึ่ง ซอยลำปรุ หลังวัดสมอราย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่ก่อเหตุฆ่านางสมศรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พังกุญแจห้อง เข้าไปตรวจสอบเก็บหลักฐาน โดยใช้ระยะเวลาในการเก็บพยานหลักฐานอย่างละเอียดนานกว่า 2 ชั่วโมง
จากนั้นเวลา 20:30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายปฏิพล จันทรมณฑล อายุ 23 ปี ไปทำแผนชี้จุดเกิดเหตุภายในห้องเช่า ท่ามกลางประชาชนหลายสิบคนมามุงดู พร้อมทั้งตะโกนด่าสาปแช่งผู้ต้องหา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นำตัวหลานสาว วัย 17 ปี มาทำแผนในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากผู้ต้องหายังเป็นเยาวชน
พ.ต.ท.ชาญ เอี่ยมวิจารณ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบสวน และพยานหลักฐานต่างๆ ผู้ต้องหาทั้งสองได้รับสารภาพว่า ในวันเกิดเหตุหลานสาว วัย 17 ปี ได้มีปากเสียงทะเลาะกับผู้ตาย ก่อนที่หลานสาวจะใช้มือบีบคอยาย และได้ใช้เชือกรัดคอซ้ำอีกครั้งจนแน่นิ่ง
จากนั้นหลานสาวได้โทรศัพท์เรียกให้นายพล ที่อยู่จังหวัดตากมาช่วยนำศพยายไปทิ้งอำพรางคดี โดยหลานสาวของผู้ตายรับภาพว่า สาเหตุที่ทำไป เพราะทนการบังคับขู่เข็ญของยายมานานหลายปี ทำให้เกิดความเก็บกด โดยยายจะห้ามไม่ให้คบกับเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ซึ่งคนในละแวกห้องเช่าแห่งนี้ก็รู้กันเป็นอย่างดี
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น