ภาพสุดท้ายเคนโด้ ก่อนหายตัว-พบเป็นศพจมแม่น้ำเจ้าพระยา

จากกรณีการเสียชีวิตของนายแบบหนุ่ม เคนโด้ กุลภัทร (Kendo Kullapat ) หลังหายตัวไปจากหอพัก สุดท้ายมีคนไปพบเป็นศพในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณใต้สะพานพุทธฝั่งธนบุรีตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

จากนั้นเคนโด้ก็เดินออกมาที่หน้าล็อบบี้แล้วนั่งกดโทรศัพท์ที่ม้านั่งโดยพิงกับฝาผนัง ก่อนที่เดินไปซื้อข้าวและน้ำจากตู้สะดวกซื้อ และกลับมานั่งกิน พร้อมดูโทรศัพท์ที่ม้านั่งจุดเดิม หลังจากนั้นเมื่อกินข้าวเสร็จประมาณ 22.00 น. ก็เอนตัวลงนอนกับม้านั่งแล้วเอามือกุมท้อง สลับกับลุกขึ้นนั่งและเอามือจับหน้าผาก ศีรษะตัวเอง ก่อนที่จะมีแม่บ้านเข้ามาถามไถ่ และบอกให้ไปเอาหมอนในห้องสำนักงานมาหนุนนอน เจ้าตัวก็ลุกขึ้นนั่ง หน้าเริ่มแดงก่ำ แล้วก็ลุกขึ้นไปหยิบหมอนกลับมานอน

นางสาวโอ๋ โลนุช อายุ 57 ปี แม่บ้านอะพาร์ตเมนต์ เล่าว่า ตนรู้จักเคนโด้ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย บุคลิกนิสัยใจคอของเคนโด้เป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูดจา ไม่คลุกคลีกับใคร มีแค่ตนที่ส่วนใหญ่เขาจะคุยด้วย เพราะสนิทกันในฐานะแม่บ้านกับลูกบ้าน ทักทายกันบ่อย ปกติแล้วเคนโด้จะไม่มานั่งอยู่ที่ล็อบบี้หรือหน้าลิฟต์ ถ้าเขากลับจากที่ทำงานก็จะขึ้นห้องเลย แต่เมื่อคืนรอยต่อวันที่ 3-4 มกราคม 2565 ตนเห็นเขามีอาการคล้ายคนป่วย หน้าแดง ซึม สลับกับกระวนกระวายแปลก ๆ แถมยังไปซื้อข้าวจากตู้สะดวกซื้อ จากที่ปกติจะไม่เคยซื้อเลยด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ ภาพสุดท้ายก่อนหายตัวไป วงจรปิดพบวาเคนโด้โบกแท็กซี่และมีอาการร้องไห้ด้วย นายฮง (นามสมมติ) อดีตชายคนสนิทของเคนโด้ เปิดใจด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า ตนตกใจและเสียใจกับข่าวการเสียชีวิตของเคนโด้ สมัยที่ตนกับเคนโด้เป็นแฟนกันเมื่อ 7-8 ปีก่อน แม้ไลฟ์สไตล์ชีวิตของทั้ง 2 คนจะต่างกันสุดขั้ว คือตัวเองเป็นเด็กเนิร์ด เด็กเรียน แต่เคนโด้เป็นเด็กกิจกรรม เก่ง ชอบเข้าสังคม ชอบแต่งตัว ภายใต้เบื้องหน้าที่ดูเก่งดูสมบูรณ์แบบนั้น เคนโด้มักปรึกษากับตนบ่อย ๆ ว่าเขามีปัญหาเรื่องเงิน เพราะพื้นฐานฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี ต้องทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะพาร์ตไทม์หรืองานถ่ายแบบ สุดท้ายคบกันได้ประมาณ 4-5 เดือน ไปต่อด้วยกันไม่ได้

จนกระทั่งเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เขากลับมาไทย ก็กลับมาคุยกันอีกครั้ง แต่เป็นสถานะเพื่อน เห็นว่าเขาเปลี่ยนไปเยอะมาก ดูเก่งขึ้น ดูหน้าที่การงานมั่นคงขึ้น เจริญก้าวหน้ามาก ยังรู้สึกภูมิใจในตัวเขา ติดตามผลงานมาโดยตลอด ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะตัดสินใจจบชีวิตแบบนี้ แต่ตนมองว่าอาจจะเกิดความกดดันในงานที่ทำจนหาทางออกไม่ได้ หรือค่าใช้จ่ายเยอะ แล้วหมุนเงินไม่ทันหรือไม่