ปิดฉาก 11 ปี คดีหมอศรุตตกตึกดับ สองเพื่อนสนิทโดนคุก10ปี
โดยคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2553 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันโยน นพ.ศรุต ทวีรุจจนะ จากชั้น 4 ซึ่งมีความสูงประมาณ 9.76 เมตรของอาคารที่พัก ในแขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ทำให้ร่างของ นพ.ศรุต กระทบพื้นคอนกรีตจนถึงแก่ความตาย
ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคลและพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบแล้ว เชื่อว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดจริง ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 2 ร่วมกันฆ่าผู้ตายจริง ไม่ใช่กรณีที่ผู้ตายฆ่าตัวตาย โดยมีสาเหตุจากเรื่องชู้สาว
จำคุกจำเลย คนละ 15 ปี แต่จำเลยทั้ง 2 ให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 10 ปี และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กับมารดาผู้ตาย
บทสัมภาษณ์แม่ของหมอศรุต
วันที่ 23 ธ.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางย้อนกลับไปที่อะพาร์ตเมนต์จุดเกิดเหตุ ภายในซอยลาดพร้าว 128 กรุงเทพฯ แม้ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นไปนานกว่า 10 ปี แต่สภาพตัวของตึกและสภาพแวดล้อมทุกอย่างคงเดิม
ห้องที่เกิดเหตุคือชั้น 4 ยังไม่มีผู้เช่ารายใหม่เข้ามาอยู่อาศัย เนื่องจากแม่ของผู้ตาย ได้มีการเช่าห้องทิ้งเอาไว้ ที่ผ่านมาได้มีการสืบทางคดีและยังไม่ต้องการที่จะให้ใครมายุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังไม่มีการคืนห้องให้กับทางอะพาร์ตเมนต์
บทสัมภาษณ์คนเห็นเหตุการณ์ เมื่อ 10 ปีก่อน
หลังจากนั้น ทราบว่าผลสรุปของคดีเป็นการกระโดดตึกฆ่าตัวตาย ตัวเองก็คิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว หลังจากนั้นไม่ถึง 2 เดือน ผู้หญิงที่เป็นสาวพนักงานเอกชนที่เป็นเพื่อนของคนตายเจ้าของห้อง ก็ได้มีการคืนห้องให้กับทางอาคาร ย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่แม่ของคนตาย ยังไม่ปักใจเชื่อว่าการตายของลูกเป็นการฆ่าตัวตาย จึงได้มีการขอเช่าห้องต่อ ยอมจ่ายรายเดือนเดือนละ 3,500 บาท เช่าเพื่อเก็บหลักฐานและห้องที่เกิดเหตุเอาไว้ จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังมีการจ่ายรายเดือนต่อเนื่อง
เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทางด้านของคณะทำงาน หน่วยงานวิชาการ ได้เดินทางมาพร้อมกับศาลอาญารัชดา ซึ่งเป็นการสืบพยานและขึ้นศาลนอกพื้นที่ครั้งแรกที่ชาวบ้านเคยเห็น โดยได้มีการเชิญตัวของผู้ถูกกล่าวหา 2 คน พร้อมด้วยครอบครัวของคนตาย และนักวิชาการทั้งหมดมาสอบปากคำ และจำลองสถานที่จริง โดยมีการปิดกั้นพื้นที่ เพราะเสมือนเป็นการขึ้นศาลในตัว แต่จากเหตุการณ์เมื่อเดือนตุลาคม จนกระทั่งวันนี้คดีสิ้นสุด ตนเองจึงมองว่าเป็นเพราะพยานหลักฐานที่แม่ของคนตายมีการรวบรวมร่วมกับนักวิชาการ สามารถชี้ชัดเกี่ยวกับสาเหตุการฆาตกรรมได้ จึงทำให้ศาลให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวครั้งนี้
ถ้าหากย้อนกลับไปพูดถึงสภาพศพของหมอคนตายที่ครอบครัวไปพบหลักฐานเกี่ยวกับกายภาพ ระบุว่าบริเวณใบหน้ามีบาดแผลคล้ายถูกทำร้ายร่างกาย และมีบาดแผลคล้ายถูกทุกบริเวณด้านหลัง ตนเองในฐานะคนที่อยู่ในเหตุการณ์และเห็นสภาพ ยืนยันว่าในวันนั้นไม่สามารถที่จะระบุชี้ชัดได้ว่าแผลตรงจุดใดคือแผลที่เกิดจากการถูกทำร้าย แผลจุดใดที่เกิดจากการตกตึก แต่ก็เชื่อในผลของการตรวจทางกายภาพและทางนิติวิทยาศาสตร์
บทสัมภาษณ์ทนายเกิดผล แก้วเกิด
หรือแม้แต่คดีที่ตนเองทำหน้าที่ในฐานะทนายความ ผู้พิพากษามีการลงพื้นที่การเดินเผชิญสืบ คือคดีที่ผู้ต้องขังอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายภายในห้องขังของโรงพัก แล้วมีการถ่ายภาพยืนยันกับศาล ฉะนั้นองค์ผู้พิพากษาจึงต้องดูสถานที่เกิดเหตุจริงว่าสถานที่ดังกล่าวในภาพถ่ายตรงกับห้องขังภายในโรงพักหรือไม่ ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ผู้พิพากษาลงพื้นที่จริงเพื่อสืบข้อเท็จจริงและดูข้อเท็จจริง
บทสัมภาษณ์ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์
นอกจากนี้ มีรายละเอียดอื่นที่เป็นการลงพื้นที่สถานที่เกิดเหตุจริง แต่ไม่มีความสัมพันธ์หรือความเกี่ยวข้อง ที่ตัวของคนตายจะกระโดดตึกตายได้ เบื้องต้นเหตุการณ์ผ่านไปนานแล้วจึงไม่สามารถที่จะลงรายละเอียดได้ทั้งหมด เท่าที่จำได้คือมีการทำลายที่เกิดเหตุ บริเวณระเบียงด้านหลัง ด้วยการล้างทำความสะอาด และรวมถึงจุดที่มีการตกลงไปตาย โดยจุดดังกล่าวได้มีการจำลองเหตุการณ์จริง เป็นการโยนหุ่นจำลองที่มีขนาดความสูง และน้ำหนักเท่ากับคนจริง เพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์และรัศมีการตก แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่มีการคาดการณ์ จึงได้มีการสรุปและส่งให้ศาลพิจารณา
VV
V