สลดสังคม!ทอมขายคลิปอนาจารแม่ ได้รับอนุญาตแล้วเหตุไม่มีจะกิน

เปิดใจสาวทอมถ่ายคลิปโป๊เปลือยแม่ไปขาย อ้างถูกหลอกให้ถ่ายแลกกับเงิน 3 หมื่น เพื่อนบ้านเผยสติไม่ดีกันทั้งบ้าน

กรณีเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 1 ได้โพสต์คลิปภาพ และข้อความระบุว่า มีสาวทอม ชื่อ จินดา ชาวอำเภอด่านชุนทด จังหวัดนครราชสีมา ได้ถ่ายคลิปโป๊เปลือยแม่ และคนในครอบครัว ไปขายให้กับคนในโลกโซเชียล พร้อมทั้งเปิดรับบริจาค เพื่อช่วยเหลือครอบครัวตนเอง จนเกิดกระแสวิภาษณ์ถึงความไม่เหมาะสม

ผู้สื่อข่าว เดินทางไปพบกับ นางสาวจินดา อายุ 28 ปี สามทอมผู้ถ่ายคลิปโป๊ และแม่ของเธอ ที่บ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา

โดย นางสาวจินดา เล่าว่า ตนเองได้ถ่ายคลิปโป๊คนในครอบครัวจริง ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา โดยมีคนในโลกโซเชียล ชื่อว่า ประจวบ ซึ่งตนก็ไม่เคยเห็นหน้าได้ว่าจ้างให้ถ่ายคลิป โดยเสนอเงินให้ 3 หมื่น หลังจากนั้นตนก็ได้ถ่ายคลิปตัวเอง แม่ และเพื่อน รวม 3 คน โดยทุกคนสมัครใจให้ถ่าย และได้ส่งคลิปไปให้กับผู้ว่าจ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เงินตามที่ตกลงกันไว้

ซึ่งหลังจากเกิดเรื่อง ตนรู้สึกเสียใจมาก และไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ผิด แต่ด้วยความจำเป็น เพราะครอบครัวไม่มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว อีกทั้งแม่ก็ไม่แข็งแรง ทั้งนี้ตนอยากขอโทษสังคมที่ทำผิดพลาดไป ส่วนเงินที่ขอบริจากนั้น ตนเองได้ขอจริง เนื่องจากช่วงนั้นบ้านประสบภัยน้ำท่วม และตนไม่มีเงินก็เลยเปิดรับบริจาค

แม่ของนางสาวจินดา ชื่อนางมยุรี อายุ 54 ปี บอกว่า ลูกสาวของตนได้ถ่ายคลิปโป๊เปลือยจริง ซึ่งลูกได้มาขอตนเองแล้ว ตนก็อนุญาตให้ถ่าย เพราะทราบว่ามีคนมาจ้าง ซึ่งลูกอยากเงินมาช่วยทางบ้านเท่านั้น ส่วนสังคมจะคิดยังไง ตนไม่สน

ขณะที่ เพื่อนบ้าน บอกว่า บ้านหลังนี้ มีอาการสติไม่ดีกันทั้งบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาให้การช่วยเหลือพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว แต่ว่าขาดการรักษาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้อาการยังไม่หายดี ส่วนเรื่องการอยู่การกินก็มีเพื่อนบ้านให้ความช่วยเหลืออยู่เป็นประจำ

ด้าน โฆษกกรมสุขภาพจิต นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ เห็นว่า ไม่ว่าสาวทอมจะมีปัญหาสุขภาพจิตหรือทางสติปัญญา หรือไม่ แต่ควรต้องได้รับการดูแล โดยเท่าที่ติดตามข่าวยังไม่สามารถสรุปได้ว่า สาวทอมและคนในครอบครัวมีอาการป่วยทางจิต หรือไม่

แต่โดยทั่วไปคนปกติก็มักจะโดนล่อลวงจากคนใกล้ชิด หรือแม้กระทั่งแฟน จูงใจให้ได้ค่าตอบแทนที่สูง ซึ่งเกิดเหตุการณืแบบนี้บ่อยครั้ง ซึ่งในระยะยาวจะเกิดผลกระทบกับตัวเองและครอบครัวตามมา เพราะในยุคโซเซียล หลักฐานคลิป ภาพถ่ายจะไปอีกอยู่ยาวนาน

นพ.วีตม์ ได้แนะนำว่า เบื้องต้น ควรดำเนินคดีก่อน ว่าเข้าข่ายหลอกลวง อนาจารหรือไม่ ก่อนนำไปตรวจสอบว่ามีปัญหาสุขภาพจิตไหม ซึ่งยังไงก็แล้วแต่ เคสนี้ควรได้รับการดูแลทาง

ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ และประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม มองว่า การกระทำเช่นนี้ผู้กระทำมีความผิดแน่นอน ตามมาตรา287 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ