ช็อกกลางดึก! โจรบุกจี้ลุงฝรั่งถึงในบ้านสุดท้ายถูกกระทืบจนตาย
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอาชญากรรม ช็อกกลางดึก! โจรบุกจี้ลุงฝรั่งถึงในบ้านสุดท้ายถูกกระทืบจนตาย
วันนี้ (3 ต.ค. 64) กลางดึกที่ผ่านมา ร.ต.อ.สุขอินทร์ ราจันทร์แก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.นาข่า อ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ มีคนถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิตภายในบ้าน หมู่ 4 บ้านขมิ้น ต.กุดสระ จึงพร้อมด้วย ร.ต.อ.ปรีชา กังขอนนอก รอง สวป.สภ.นาข่า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี เจ้าหน้าที่มูลนิธิส่งเสริมธรรม รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดพบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว อยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1 กิโลเมตร พบศพนายเสถียร จันทรขันตรี อายุ 53 ปี ชาว อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี นอนหงายเสียชีวิตอยู่บริเวณห้องครัวเปิดโล่งหลังบ้าน สภาพศพสวมเสื้อยืดสีแดงน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล มีบาดแผลแตกอยู่แก้มขวาและคิ้ว ซึ่งใบหน้ามีร่องรอยฟกช้ำ มีเชือกมัดมือ และมัดเท้า จึงนำศพไปโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุของการเสียชีวิต โดยมีชายอายุ 63 ปี ชาวสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ และให้การว่าเป็นคนชกต่อยนายเสถียรจนสลบแต่ไม่ตั้งใจให้ตาย
สอบสวนชายต่างชาติเจ้าของบ้าน ให้การรับสารภาพว่า ตนอาศัยอยู่บ้านหลังนี้กับภรรยา 2 คน ก่อนเกิดเหตุ เวลาประมาณ 22.30 น. ตนนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะห้องครัวหลังบ้าน ส่วนภรรยากลับมาจากดื่มสังสรรค์กับเพื่อนแล้วเข้านอน จากนั้นผู้ตายได้ปีนรั้วคอนกรีตถืออาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้ามา พร้อมกับเล็งปืนมาที่ตน แล้วพูดว่า "ส่ง money money" ตนจึงเดินเข้าไปจับแขนผู้ตายทุ่มลงกับพื้นและแย่งปืน ขณะกำลังแย่งปืนกัน ปืนเกิดลั่น 1 นัด แต่ไม่ถูกใคร ตนแย่งปืนมาได้ก็โยนทิ้งลงสระน้ำข้างบ้าน ก่อนจะชกต่อยและเตะผู้ตายจนสลบหมดสติแน่นิ่งไป ตนเกรงว่าผู้ตายจะฟื้นขึ้นมาทำร้ายตนอีก จึงนำเชือกมามัดมือ มัดเท้าไว้ เสร็จแล้วไปปลุกภรรยา ให้แจ้งผู้ใหญ่บ้าน เพื่อให้แจ้งตำรวจ แต่พอผู้ใหญ่บ้านมาตรวจก็พบว่านายเสถียรเสียชีวิตแล้ว
ด้านนางลักษณ์ ซึ่งเป็นภรรยา ให้การว่า ตนแต่งงานอยู่กินกับสามีซึ่งมีอาชีพเป็นสถาปนิกมาประมาณ 10 ปี และมีเงินเกษียณหลายหมื่นบาทไว้สำหรับใช้จ่าย พวกตนไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร และไม่เคยมีศัตรู ตนเป็นคนชอบสังสรรค์กับเพื่อน ตนมักจะไปสังสรรค์ที่บ้านเพื่อนตามหมู่บ้านต่างๆ ตนจึงมีเพื่อนมาก และเมื่อ 2 ปีก่อนได้รู้จักกับนายเสถียรผู้ตาย เพราะเป็นเพื่อนของเพื่อน ซึ่งมีอาชีพรับจ้างทั่วไปและทำนา ผู้ตายได้ชวนตนและเพื่อนไปดื่มเหล้าที่บ้านผู้ตาย และทราบว่าผู้ตายมีใจชอบพอตน และโทรหาประจำ แต่ตนไม่เล่นด้วย เห็นที่ไหนก็ทักทายกันธรรมดา และแปลกใจไม่คิดว่าผู้ตายจะบุกมาก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์สามีตน และต่อสู้กันจนถึงแก่ความตาย
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาชายชาวต่างชาติ ในฐานความผิด "ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย" พร้อมกับงมหาอาวุธปืนในสระน้ำหน้าบ้าน จนพบอาวุธปืนพกสั้น ขนาด .38 มีกระสุนอยู่ในลูกโม่ 5 นัด ตามที่ผู้ต้องหาบอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และควบคุมตัวพร้อมของกลางไป สอบสวนดำเนินคดี
ต่อมาเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศักดา เหมือนโพธิ์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.ท.นพดล วิเศษศรี รอง ผกก.สส.หน.สภ.นาข่า พ.ต.อ.ธานินทร์ อินทร์กอง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังตำรวจ ควบคุมตัวชายชาวต่างชาติมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยไม่มีชาวบ้านมาดู เพราะบ้านเกิดเหตุอยู่ห่างจากหมู่บ้าน และไม่ปรากฏญาติของผู้ตายมาดูการทำแผนแต่อย่างใด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที
พล.ต.ต.พิษณุ เปิดเผยว่า ผู้ตายได้บุกรุกเข้ามาในบ้าน โดยใช้อาวุธปืนจี้ขู่เอาเงินชาวต่างชาติ จึงต่อสู้กันทำให้ผู้ตายสลบแน่นิ่งและเสียชีวิต ส่วนการดำเนินคดีแยกออกเป็นสองส่วน คดีแรกตั้งข้อหานายเสถียรผู้ตาย "บุกรุกในเวลากลางคืน พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหรือหมู่บ้าน และพยายามฆ่า" ส่วนคดีที่ 2 ตั้งข้อหาชายชาวต่างชาติ "ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย" อย่างไรก็ตามต้องคำนึงถึงเหตุแห่งการป้องกันตัว ตามหลักกฎหมาย ซึ่งตำรวจจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ส่วนเหตุหรือแรงบันดาลใจที่บุกเข้ามา นอกจากจะประสงค์ต่อทรัพย์แล้ว อย่างอื่นต้องสอบลงลายละเอียด ซึ่งพฤติกรรมเป็นตัวบ่งบอกถึงเจตนาอยู่แล้วว่า บุกรุกบ้านผู้อื่นยามวิกาล และมีอาวุธปืนเข้ามา ถือว่าเป็นเหตุฉกรรจ์ ทำให้เจ้าของบ้านต่อสู้
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น