เฒ่าบุกยิงสาวก่อนฆ่าตัวตาม เมียไม่รู้ทั้งคู่แอบกิ๊กกันรึเปล่า?

วันที่ 22 ก.ย. 64 เวลาประมาณ 10.00 น. พบศพหญิงสาวถูกยิงขณะรับจ้างหักข้าวโพด ในพื้นที่ ม.4 บ้านเกาะสะบ้า ต.หนองปลิง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ทราบชื่อนางสาวเนารัตน์ สนิทมาก หรือ รัตน์ อายุ 42 ปี

และในเวลาไล่เลี่ยกัน พบศพนายชาติ มากกุญชร อายุ 63 ปี ยิงตัวตายอยู่ในบ้านของตัวเอง เจ้าหน้าที่คาดเป็นมือปืน หลังยิงนางสาวเนาวรัตน์ ก็กลับมาบ้านใช้อาวุธกระบอกเดียวกันยิงตัวเองเสียชีวิต

เวลาประมาณ 19.00 น. ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านลูกสาวของนางสาวเนาวรัตน์ ซึ่งมีการตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่บ้าน บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ถัดไปประมาณ 1 กม. เป็นบ้านของนายชาติ เป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลศพ บรรยากาศก็เต็มไปด้วยญาติที่เดินทางมาแสดงความเสียใจกับการจากไปครั้งนี้เช่นกัน

นางลำไย มากกุญชร หรือ แหยม อายุ 60 ปี ภรรยาของนายชาติ ผู้เสียชีวิต มีลูกชาย 2 คน คนโตอายุ 39 ปี คนเล็กอายุ 37 ปี เปิดใจว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุตนกับสามีก็ทำกับข้าวนั่งกินกันอยู่ที่บ้าน แล้วก็พากันไปนั่งเล่นที่บ้านน้องสาว จากนั้นประมาณ 09.00 น. สามีก็ขับรถออกไป แต่ไม่รู้ว่าไปไหน ตนก็เตรียมจะไปหักข้าวโพด แต่ไม่ทันได้ไป ก็เกิดเรื่องก่อน

ทั้งนี้ ตนไม่ได้เห็นเหตุการณ์ ทั้งที่ไร่ข้าวโพดและที่บ้าน ดังนั้นจึงไม่สามารถตอบได้ว่าสามีไปยิงนางสาวเนาวรัตน์หรือไม่ กลับมาบ้านก็เห็นศพของสามีนอนอยู่ในห้องครัวแล้ว และที่ผ่านมาไม่รู้เลยว่าสามีมีปืนไว้ครอบครองด้วย เพราะไม่เคยเห็น และเขาก็ไม่เคยพูดถึงมาก่อน

ถ้าถามถึงความสนิทสนมระหว่างสามีตนกับนางสาวเนาวรัตน์ ก็สนิทกันในฐานะเพื่อนบ้าน ไม่เคยแสดงพฤติกรรมแปลกให้ตนสงสัย เวลาเจอกันก็เห็นเขาคุยกันเหมือนคนปกติทั่วไป แล้วสามีตัวเองก็ไม่ได้เป็นคนปากหวาน ไม่ได้บ่งบอกว่าเจ้าชู้ ไม่มีเรื่องผู้หญิงให้รำคาญใจ ไม่มีโรคประจำตัวด้วย

ส่วนนางสาวเนาวรัตน์ขณะที่ทำงานด้วยกันกับตน ก็ไม่เคยเห็นว่าจะปรึกษาเรื่องสามีตนให้ฟังด้วย อีกทั้งเวลาไปไร่ข้าวโพดด้วยกัน ก็นั่งกินข้าว กินน้ำวงเดียวกันตลอด เพราะฉะนั้นก็ตอบไม่ได้ว่าทั้งคู่มีประเด็นเรื่องชู้สาวด้วยกันหรือไม่ และทั้งคู่ก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องงานเรื่องเงินกันเลย เขาไม่เคยมาบ้านตนด้วยซ้ำ แต่ตนก็ไม่ได้ติดใจการเสียชีวิตของสามี

นางสาวนพมาศ สนิทมาก หรือ ยุ้ย อายุ 23 ปี ลูกสาวคนโตของนางสาวเนารัตน์ ผู้เสียชีวิต เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ตนกำลังนางอาบน้ำให้ลูกอยู่ที่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังบ้านของแม่ และเห็นว่าแม่อยู่ในห้องครัวหลังบ้าน กำลังจะเข้าห้องน้ำ เจ้าของไร่ข้าวโพดก็โทรมาบอกน้องสาวให้มาบอกแม่ว่าให้ไปหักข้าวโพด แม่ก็บอกว่าขอเข้าห้องน้ำก่อน

เวลา 09.15 น. หลังจากแม่แต่งตัวเพื่อเตรียมตัวจะออกไปทำงาน นายชาติก็ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่ข้างบ้าน แล้วเดินปรี่เข้าไปเปิดประตูหลังบ้าน ด้วยลักษณะไม่ยิ้มแย้ม ไม่ทักทายตน ทั้งที่ปกติจะทักทายกัน ก่อนที่จะเช้าไปที่ห้องครัว แต่ช่วงที่ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ แม่ก็ทำการกระโดดออกจากช่องในห้องครัวเพื่อหนี เนื่องจากไม่อยากคุยด้วย แล้วอุทานว่า "เห้ย ฉิบหายเอ้ย" พร้อมแสดงสีหน้าตึงเครียด จากนั้นแม่ก็รีบเดินปรี่ออกจากบริเวณบ้านโดยไว มุ่งหน้าไปยังบ้านเจ้าของไร่ข้าวโพด ซึ่งห่างกันประมาณ 400 เมตร

จากนั้น นายชาติเดินออกมาทางประตูหลังแล้วก้มหน้า ส่ายหัว เหมือนอารมณ์เสีย ก่อนที่จะขับรถออกไปที่ถนนแล้วมุ่งหน้าไปทางซ้ายมือของบ้าน สามารถทะลุไปยังไร่ข้าวโพดที่พบศพได้ ประมาณ 10.00 น. ป้าก็โทรมาบอกตนว่า "แม่มึงโดนยิง" ตนก็เอะใจว่าต้องเป็นฝีมือของนายชาติ ก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำแบบนี้ เพราะเมียของเขาก็หักข้าวโพดอยู่ที่เดียวกับแม่ของตน ทำงานด้วยกันมาประมาณ 2 ปีแล้ว อยู่หมู่บ้านเดียวกัน ห่างกันแค่ประมาณ 1 กม. กว่า ๆ เจอกันก็ทักทายปกติ และไม่เคยเห็นว่าเมียของนายชาติกับแม่ตัวเองมีปัญหาทะเลาะกัน

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ตนก็ไม่เคยเห็นว่านายชาติจะมีปัญหาอะไรกับแม่ตนด้วย จึงไม่รู้เลยว่าทำไมเขาถึงยิงแม่ แต่เท่าที่ได้คุยกับชาวบ้าน มีคนเห็นรถของนายชาติจอดอยู่ที่ป่าข้าวโพดในเวลาไล่เลี่ย ก่อนที่แม่จะโดนยิง อย่างหนึ่งที่ตนสามารถยืนยันได้คือนายชาติจะมีพฤติกรรมหน้าหม้อ ปากว่ามือถึง มือไว เพราะตนเคยโดนเขาพยายามจะเอามือมาจับ มาโอบเอว แต่ตนไม่เล่นด้วยก็เลยพยายามเลี่ยงตลอด ส่วนกับเหตุผลที่นายชาติฆ่าตัวตาย ตนมองว่าหากเขาไม่ทำเช่นนั้น เขาก็จะได้รับโทษติดคุก จึงตัดสินใจปลิดชีพตัวเองให้มันจบไป