รพ.ยืนยันท้องทิพย์ ไม่พบหลักฐานคลอด หลังแม่อ้างเปิดโลงไม่เจอศพลูก

ระบบการรับส่งผู้ป่วยที่เป็นมาตรฐานของทั้งประเทศนั้น โรงพยาบาลต้นทาง ในที่นี้คือ รพ.บางปลาม้า หากต้องการจะส่งตัวผู้ป่วยมายัง รพ.ปลายทาง คือ รพ.เจ้าพระยายมราช จะต้องมีเอกสารการตรวจวินิจฉัย โดยญาติหรือพยาบาลจะเป็นคนถือมา โดยก่อนที่จะมาจะต้องมีการโทรมายังศูนย์ข้อมูลการส่งต่อของ รพ.เจ้าพระยายมราช เพื่อบันทึกข้อมูล เช่น ชื่อผู้ป่วย อาการ ฯลฯ จากนั้นจึงจะแจ้งให้ รพ.ต้นทาง ได้ทราบ ซึ่งหากเป็นเหตุฉุกเฉินจะต้องใช้รถพยาบาลในการส่งตัว บันทึกเวชระเบียน 

ทั้งนี้ หากต้องมีการนอนในโรงพยาบาลจะต้องมีการบันทึกข้อมูลของผู้ป่วยเอาไว้ รวมทั้งแพทย์เจ้าของไข้ ตึกที่ทำการรักษา ซึ่งในกรณีที่มีอาการเปลี่ยนแปลงในทางที่ไม่ดีถึงขั้นอาจเสียชีวิต จะต้องแจ้งก่อนเพื่อให้ญาติได้รับทราบก่อนว่าจะทำการฟื้นฟูคนไข้หรือไม่ หากเสียชีวิตทางโรงพยาบาลจะต้องบันทึกสาเหตุการเสียชีวิต ออกเอกสาร และต้องเก็บศพเอาไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง

แพทย์ รพ.เจ้าพระยายมราช เผยอีกว่า เมื่อวานนี้แพทย์ได้ถามนางกรกนกว่าตั้งครรภ์ตอนไหน นางกรกนกแจ้งว่า ท้องในเดือน ต.ค.63 ซึ่งหากตั้งครรภ์จริง ผลตรวจปัสสาวะเมื่อเดือน ธ.ค.63 ก็ต้องเป็นบวก นอกจากนี้ รพ.บางปลาม้า ยืนยันว่านางกรกนกไม่ได้คลอดใดๆ ทั้งสิ้น และช่วงเวลาที่บอกว่าคลอดนั้น เจ้าหน้าที่ รพ.บางปลาม้า ติดโควิดจนต้องปิดห้องคลอด ยืนยันไม่มีการส่งตัวลูกแฝดตามที่อ้างแต่อย่างใด

ส่วนเรื่องที่พ่อของเด็กบอกว่า ขึ้นไปเยี่ยมลูกที่ชั้น 3 ก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากช่วงนี้โควิด-19 ระบาด ทางโรงพยาบาลจึงสั่งให้งดเยี่ยมคนไข้ จึงอยากเรียนแจ้งข้อเท็จจริงให้ประชาชนและสื่อมวลชนได้รับทราบตรงกัน ซึ่งทางโรงพยาบาลมีหลักฐานยืนยันทุกขั้นตอน

ด้าน นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีได้สรุปว่า จากการตรวจสอบโรงพยาบาลทั้งหมดแล้ว หลักฐานที่ทางโรงพยาบาลมี เป็นหลักฐานเกี่ยวกับเอกสารทางราชการเกี่ยวกับผู้ป่วย แต่อย่างไรก็ตามก็จะต้องรอผลตรวจร่างกายว่าหญิงสาวคนดังกล่าวจะออกมาอย่างไร และพร้อมจะดำเนินคดีต่อไป