งานเข้า! ตร.จ่อดำเนินคดี สาวโพสต์ภาพหลอกแพ้วัคซีน เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพ์
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอาชญากรรม งานเข้า! ตร.จ่อดำเนินคดี สาวโพสต์ภาพหลอกแพ้วัคซีน เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพ์
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. และโฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอกล่าวถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์มีการนำเสนอข่าวกรณี "โป๊ะแตก ภาพสาวผื่นขึ้น อ้างผลจากวัคซีนโควิด ที่แท้ขโมยภาพผู้ป่วยผื่นมาโพสต์ รพ.หนองม่วง จ่อดำเนินคดี" ว่า
กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อมีหญิงสาวรายหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวประสบการณ์การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ลงบนสื่อสังคมออนไลน์โดยเล่าว่า หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนไปเพียง 3 นาที ตนได้มีอาการชาทั่วทั้งตัว ก่อนจะตรวจพบว่ามีเลือดออกในสมอง ต่อมาตนได้รับยาและอาการดีขึ้นแล้ว พร้อมกับแชร์ภาพผู้ป่วยที่มีผื่นขึ้นบนร่างกาย ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็นต่างๆ กันอย่างมากมาย ต่อมาได้มีการตรวจสอบและทราบว่าภาพที่มีการโพสต์ลงไปนั้นเป็นภาพของผู้ป่วยรายอื่นซึ่งไม่ใช่ผลจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่อย่างใด
การกระทำลักษณะดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐานนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีนโยบายให้ทุกหน่วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี คอยตรวจสอบข่าวปลอมหรือข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้องอยู่เสมอ และเร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ให้ทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิดต่างๆ
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. ขับเคลื่อนนโยบาย โดยการเร่งทำการสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น, ตัดโอกาสในการกระทำความผิดและทำให้พี่น้องประชาชนได้รับข่าวสารที่ถูกต้องต่อไป
รองโฆษก ตร.และโฆษก บช.สอท.กล่าวอีกว่า ฝากเตือนไปยังผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ว่าการกระทำของท่านนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมพี่น้องประชาชนที่ควรจะได้รับข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อที่จะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้และยังทำให้เกิดความสับสนตื่นตระหนก อีกทั้งยังเกิดความวิตกไม่มั่นใจในคุณภาพของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งการฉีดวัคซีนเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเองและเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่อีกด้วย
กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อมีหญิงสาวรายหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวประสบการณ์การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ลงบนสื่อสังคมออนไลน์โดยเล่าว่า หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนไปเพียง 3 นาที ตนได้มีอาการชาทั่วทั้งตัว ก่อนจะตรวจพบว่ามีเลือดออกในสมอง ต่อมาตนได้รับยาและอาการดีขึ้นแล้ว พร้อมกับแชร์ภาพผู้ป่วยที่มีผื่นขึ้นบนร่างกาย ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็นต่างๆ กันอย่างมากมาย ต่อมาได้มีการตรวจสอบและทราบว่าภาพที่มีการโพสต์ลงไปนั้นเป็นภาพของผู้ป่วยรายอื่นซึ่งไม่ใช่ผลจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่อย่างใด
การกระทำลักษณะดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐานนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีนโยบายให้ทุกหน่วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี คอยตรวจสอบข่าวปลอมหรือข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้องอยู่เสมอ และเร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ให้ทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิดต่างๆ
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. ขับเคลื่อนนโยบาย โดยการเร่งทำการสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น, ตัดโอกาสในการกระทำความผิดและทำให้พี่น้องประชาชนได้รับข่าวสารที่ถูกต้องต่อไป
รองโฆษก ตร.และโฆษก บช.สอท.กล่าวอีกว่า ฝากเตือนไปยังผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ว่าการกระทำของท่านนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมพี่น้องประชาชนที่ควรจะได้รับข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อที่จะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้และยังทำให้เกิดความสับสนตื่นตระหนก อีกทั้งยังเกิดความวิตกไม่มั่นใจในคุณภาพของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งการฉีดวัคซีนเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเองและเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่อีกด้วย
นอกจากนี้ ขอเรียนประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนให้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารให้ดีก่อนจะแชร์หรือแสดงความคิดเห็น ขอให้กรณีดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์ในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในทางที่ผิด และขอให้พี่น้องประชาชนใช้สื่อสังคมออนไลน์ในทางที่สร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับทั้งตนเองและสังคม หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น