คดีพริตตี้วาวา ยังไม่จบ! สบส. แจ้งเอาผิด รพ.เอกชนดัง 2 ข้อหา

จากกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.วิชญาพร วิเศษสมบัติหรือวาวา อายุ 33 ปี พริตตี้สาว เมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 ก.พ. 2464 หลังรับงานเอนเตอร์เทน ดูแลนายฤทธิ์เดช หรือเก่ง พรหมขุนทอง อายุ 47 ปี พร้อมพวกที่จัดงานปาร์ตี้ที่บ้านพักหรูแห่งหนึ่งในซอยเสนานิคม 1 ย่านพหลโยธิน กทม. โดยผลชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นพบระบบไหลเวียนโลหิตและทางเดินหายใจล้มเหลว รวมถึงยังพบสารเสพติดในร่างกายผู้ตายตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เวลา 10.30 น. วันนี้ (26 มี.ค. 64) นายชาตรี พินใย นิติกรชำนาญการพิเศษกองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. กระทรวงสาธารณสุข พร้อม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าเเจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน เพื่อเอาผิดโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านเกษตร กรณีที่ น.ส.วิชญาพร วิเศษสมบัติ หรือ วาวา พริตตีสาว เข้ารับการรักษาด้วยอาการโคม่าที่โรงพยาบาลดังกล่าว เเต่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้ทำการรักษาทันที ซึ่งไม่ปฏิบัติตามมาตรการดูแลผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ UCEP โดย นำหลักฐานสำเนาเอกสารภาพถ่าย ใบเสร็จชำระเงินมาเป็นหลักฐาน

คดีพริตตี้วาวา ยังไม่จบ! สบส. แจ้งเอาผิด รพ.เอกชนดัง 2 ข้อหา

นายชาตรี ระบุว่า วันนี้นำเอกสารมาเเจ้งความเอาผิดโรงพยาบาลเอกชน หลังน.ส.วาวาเข้ารักษาด้วยอาการโคม่า ในวันที่ 23 ก.พ. 64 ที่ผ่านมา เเต่ทางโรงพยาบาลกลับประวิงเวลา ไม่ทำการรักษาทันที โดยอ้างว่าต้องวางเงินมัดจำในการรักษาพยาบาลก่อนจำนวน 15,000 บาท ซึ่งขัดต่อสิทธิ UCEP หรือหลักการรักษาคนไข้ฉุกเฉิน ในวิกฤตเช่นนั้น ซึ่งผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตร 36 ว่าด้วยสถานพยาบาลต้องควบคุมเเละดูเเลให้มีการช่วยเหลือเยียวยาเเก่ผู้ป่วยฉุกเฉินที่อยู่ในสภาพอันตรายเเละจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลอย่างฉุกเฉิน อัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ยังพบว่า ทางโรงพยาบาลยังมีการปลอมเเปลงเอกสาร ซึ่งเป็นใบเสร็จค่าอาหารที่ไม่เกิดขึ้นจริง จำนวน 400 บาทอีกด้วย ถือเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล มาตรา 73 ว่าด้วยสถานพยาบาลเเละบุคลากรจัดทำหรือยินยอมให้ผู้อื่นทำหลักฐานเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลเเละค่าบริการเอกสารเเสดงผลการตรวจโรค เเละผลการรักษา หรือเอกสารเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลที่เป็นเท็จ มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้านนายอัจฉริยะ กล่าวว่า ในวิกฤตเช่นนั้น เเพทย์ควรคำนึงถึงชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินเพราะขณะนั้นวาวายังมีชีวิตเเละตอบสนองได้ คาดว่าหากรักษาทันท่วงทีจะสามารถช่วยชีวิตวาวาได้ รวมทั้ง กรณีทำใบเสร็จปลอมนั้น ทางโรงพยาบาลพยายามมาพูดคุยขอเคลียร์ เเละจะคืนเงินให้ เเต่ญาติวาวาไม่รับ ยืนยันจะเอาผิดเเละเรื่องนี้ได้ฟ้องศาลเเพ่งไปเเล้วด้วย ขณะที่ด้านคดีวันจันทร์ที่ 29 มี.ค. นี้ ผู้ต้องหาทั้ง 25 คน จะทยอยเข้ามอบตัวกับตำรวจ เพื่อรับทราบข้อหาไม่ว่าจะเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ และข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด