ออกหมายจับฝั่งเสี่ยโป้ อีก 7 ราย ปมยิงสนั่นหน้าร้านนวด

พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร และ พล.ต.ท.ภัคพงษ์ พงศ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.พงษ์อานันต์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 แถลงผลการขยายผล ตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ในคดีนายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ ผู้ต้องหาในคดียิงหน้าร้านนวดย่านราชพฤกษ์ เมื่อ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา มีวัยรุ่นบาดเจ็บ 2 ราย

คดีนี้หลังศาลอนุมัติหมายค้นเป้าหมายในคดีรวม 13 จุด ซึ่งเป็นบ้านของเสี่ยโป้ ย่านเพชรเกษม และบ้านนายตั้ว คู่กรณี ย่านพระปิ่นเกล้า เบื้องต้นที่บ้านเสี่ยโป้ ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ส่วนบ้านนายตั้ว พบเพียงคนเฝ้าบ้าน อาวุธปืน 5 กระบอก และยาเสพติดจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ศาลยังอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 7 คน ซึ่งเป็นฝั่งเสี่ยโป้ทั้งหมด ในความผิดเกี่ยวกับคดีอาวุธปืน และควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 3 คน ส่วนนายธนบดี คู่กรณีของนายเสี่ยโป้ ตำรวจจะเชิญตัวมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป

ด้าน พล.ต.อ.สุชาติ เปิดเผยว่า จะนำอาวุธปืนที่ยึดได้ไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อเทียบเคียงว่าเคยใช้ก่อเหตุในคดีนี้หรือไม่ นอกจากนี้ ตำรวจยังมีคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นำมาประกอบสำนวนคดีแล้ว ซึ่งในรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เชื่อว่าทั้งสองกลุ่มที่ก่อเหตุต่างก็พกพาอาวุธปืนมาในวันเกิดเหตุด้วย โดยตำรวจจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และคาดว่าจะออกหมายจับผู้ที่ร่วมก่อเหตุได้เพิ่มเติมอีกหลายคน พร้อมกันนี้ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะสำรวจจะดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่พบ

ขณะที่นายเสี่ยโป้ กล่าวว่า เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทครั้งนี้ ต่างสมัครใจกันที่จะมาหาเรื่องที่ร้านนวดย่านราชพฤกษ์ ต่างฝ่ายต่างมีปืน แต่ไม่ทราบว่าใครมีบ้าง ยืนยันว่าตนเองเป็นคนธรรมดา ไม่ได้ใส่เสื้อเหลืองแล้วจะไม่โดนจับ ตอนนี้ยอมรับว่าใจชื้นขึ้น เพราะ พล.ต.อ.สุชาติ ธีรสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาคุมคดีเอง และมีการตรวจค้นฝั่งคู่กรณีด้วย

คดีความในฝั่งตนยังไม่มีหลักฐานมากพอจะแจ้งความกลับคู่กรณี เพราะไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ยืนยันได้ว่าเพื่อนตนไม่ได้จ่อยิงคู่กรณีตามที่เขาให้ข่าวไปแน่นอน เพราะที่เกิดเหตุไม่มีคราบเลือด แต่มีคราบเลือดอยู่ริมถนน เชื่อว่ากล้องของทางหลวงจะต้องเห็นแน่นอน หากตำรวจจะมาค้นอีก ก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะตนไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย หากชนะคดีนี้ก็จะฟ้องกลับแน่ โดยจะให้นางศรันยา หวังสุขเจริญ หรือ ทนายนิด้า แจ้งความฐานหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คู่กรณี ที่โพสต์ข้อความให้ได้รับความเสียหาย