คุกอ่วม! ศาลพิพากษาจำคุก โก้ อัศยา ฆาตกรโหด ไฮโซเชอรี่
ในวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายอัศยา หรือโก้ จำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมาฟังคำพิพากษาพร้อมทนายความ ส่วนอัยการโจทก์ไม่ได้มาศาล
หลังก่อเหตุจำเลยได้ลักทรัพย์ของผู้ตาย เป็นรถยนต์เบนซ์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับ กระเป๋าแบรนด์เนม ของผู้ตายไป มูลค่า 1,080,000 บาท รวมทั้งเอกสารบัตรเดบิต ธนาคารออมสิน ของผู้ตายไปใช้ประโยชน์ในการเบิกถอนเงินหรือชำระสินค้าบริการอื่น หลบหนีไปประเทศกัมพูชา โดยจำเลยให้การรับสารภาพ
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุกตลอดชีวิต ลักทรัพย์ จำคุก 3 ปี และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ จำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน
ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษากันแล้ว มีประเด็นพิจารณาว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยบันดาลโทสะตามที่อุทธรณ์หรือไม่
เห็นว่าแม้คดีนี้โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นขณะจำเลยก่อเหตุฆ่าผู้ตาย แต่ปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมว่าจำเลยกับผู้ตายทั้งสองคน อยู่ด้วยกันในห้องพักของโรงแรมในวันเกิดเหตุ นอกจากนี้ยังมีพนักงานสอบสวนเบิกความยืนยันภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าว จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบไม้เบสบอลเหล็กตกอยู่บนเตียงในห้องพักดังกล่าว ซึ่งผลตรวจพิสูจน์พบดีเอ็นเอของจำเลย ติดอยู่ที่ด้ามจับไม้เบสบอลเหล็ก ประกอบกับหลังเกิดเหตุจำเลยได้จับรถยนต์ของผู้ตายไปจอดทั้งไว้ ก่อนเดินทางหลบหนีไปประเทศกัมพูชา
"ที่จำเลยอ้างว่าบันดาลโทสะเนื่องจากถูกทะเลาะมีปากเสียงกันประเด็นเรื่องภรรยาเก่า และถูกผู้ตายดุด่าจนเกิดความรู้สึกโกรธนั้น เห็นว่าการบันดาลโทสะนั้นจะต้องเกิดจากการกระทำที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม แต่ก่อนหน้านี้ผู้ตายก็เคยดุด่าจำเลยในลักษณะเดียวกันมาหลายครั้งแล้ว พฤติการณ์ยังไม่ได้เป็นการกระทำที่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม จึงไม่ใช่เหตุบันดาลโทสะ นอกจากนี้จำเลยยังมีความผิดฐานลักทรัพย์และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นด้วย อุทธรณ์ดังกล่าวของจำเลยฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษมานั้นเหมาะสมแล้ว พิพากษายืนจำคุกจำเลยรวม 37 ปี 4 เดือน ตามศาลชั้นต้น"