ตร.เก็บกล้องวงจรปิดนาทียิงดับยกครัว เพื่อนเล่าหนุ่มมือยิงเพิ่งมาปรึกษาหมุนเงิน
เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผย จากการตรวจสอบในบ้าน พบว่าที่ชั้น 1 หน้าประตูในตัวบ้านพบศพ นางอรสา คล้ายพยัฆ อายุ 65 ปี ถูกยิง 6 นัด ที่หัว 1 นัด ตามตัว 3 นัด และเอว 2 นัด มีปลอกกระสุนปืนขนาด .38 รีวอลเลอร์ ตกตามทางเดินในห้องโถงจำนวนมาก ส่วนที่ห้องนอนชั้น 2 พบศพ จ่าสิบเอกอนุวัต คล้ายพยัฆ อ่ายุ 39 ปี นั่งบนฟูกอยู่ข้างเตียง ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ขมับขวาตัวเองทะลุออกด้านซ้าย 1 นัด โดยพบปลอกกระสุนที่ถูกยิงไปแล้ว 4 นัดตกอยู่ที่มือข้างขวา เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
โดยมี ด.ช.ภคิน คล้ายพยัฆ อายุ 8 ปี นอนคว่ำหน้าบนฟูก ส่วนนางวิภางค์ ชุมไพจิตร อายุ 39 ปี นอนหงายหน้าอยู่บนเตียง ทั้งสามเป็นพ่อแม่ลูก ขณะที่พบศพนายประวิทย์ คล้ายพยัฆ อายุ 72 ปี อยู่ห้องพระ รวมผู้เสียชีวิต 5 ราย เบื้องต้นตำรวจกำลังตรวจกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดเนื่องจากพบว่าภายในบ้านมีกล้องติดตั้งอยู่จำนวนมาก
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบว่าปืนที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่ใกล้ จ.ส.อ.อนุวัติ มากที่สุด แต่ยังไม่ยืนยันว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุหรือลำดับเหตุการณ์เป็นอย่างไร โดยตำรวจได้ตั้งสมมุติฐานเบื้องต้นไว้ แต่ยังไม่สามารถสรุปเหตุการณ์ได้ ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานทั้งจากกล้องวงจรปิดในบ้านและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบอีกครั้ง
"สั่งการให้ บก.สส.บก.น.8 เก็บเซิร์ฟเวอร์ไปตรวจสอบแล้วและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบอีกครั้งขณะเดียวกัน ต้องติดตามญาติๆ ผู้ตายซึ่งมีพื้นเพอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา มาถามแรงจูงใจในการก่อเหตุ เนื่องจากไม่พบจดหมายลาตาย และยังไม่พบว่ามีบุคคลอื่นเข้ามาในบ้าน ประกอบกับประตูหน้าบ้านก็ถูกล็อคจากด้านใน"
ส่วนความสัมพันธ์ของแต่ละบุคคลในบ้านทั้งหมดพบว่าเป็นปู่ย่าพ่อแม่ลูก ขณะเดียวกัน ตำรวจยังไม่ทราบแรงจูงใจการก่อเหตุ เนื่องจากไม่พบจดหมายลาตาย และตรวจสอบยังไม่พบว่ามีบุคคลอื่นเข้ามาในบ้าน ทั้งนี้ก็ได้ติดต่อญาติผู้ตายมาให้ปากคำแล้ว
ตนเป็นตัวแทนจากเพื่อนร่วมรุ่นให้เดินทางมาทำเอกสารรับศพ จ.ส.อ.อนุวัติ เพราะรู้จักกันมานานกว่า 20 ปี โดยแท้จริงนั้นเพื่อนร่วมรุ่นทหารเราดูแลเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งปกตินั้นผู้เสียชีวิตเป็นคนมีอุปนิสัยนิ่งๆ เรียบร้อย ไม่ใช่คนใจร้อน ไม่เคยหาเรื่องผู้ใดและไม่คิดว่าจะเป็นคนที่มีจิตใจรุนแรง
นายณรงค์ กล่าวต่อว่า โดยหลังจากผู้ตายแต่งงานได้ลาออกจากราชการก่อนมาประกอบอาชีพทำธุรกิจส่งออก และมาเปลี่ยนเป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้างบ้านให้กับเอกชน ทั้งนี้เมื่อประมาณเดือนกว่าๆ ผู้ตายเคยปรึกษาปัญหาเรื่องธุรกิจกับตนโดยระบุว่าขาดสภาพคล่องทางการเงิน และหาเงินมาจ่ายค่าจ้างให้ลูกน้องไม่ทัน โดยให้ตนช่วยหาเงินให้ประมาณ 2 แสนบาท เพื่อนำไปหมุน ตนจึงตอบกลับไปว่าขอเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ตายก็ไม่เคยมาปรึกษาเรื่องเงินแม้แต่อย่างใดจนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์สลดดังกล่าว
"นอกจากนี้ตนไม่ทราบว่าอาวุธปืนที่ตรวจพบนั้นเป็นของผู้ใด โดยหลังจากทำเรื่องขอรับศพจากรพ.ศิริราช เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนจะดำเนินการหาวัดเพื่อนำศพไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อญาติผู้เสียชีวิตที่แท้จริงได้แม้แต่อย่างใด อีกทั้งเพื่อนๆ จะช่วยกันเปิดบัญชีกลางเพื่อรวบรวมเงินจัดงานศพต่อไป" นายณรงค์ กล่าว