เปิดหลักฐาน ใครฆ่า‘โทโมโกะ’ ชี้ดีเอ็นเอไม่ใช่คนไทย ตร.ญี่ปุ่นรับลูกต่อ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 ก.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมนายโทโมยูกิ ฟูจิยามะ หัวหน้านายตำรวจญี่ปุ่น เลขานุการเอก และนายฮิโรยูกิ มูระมัตสึ เลขานุการโท และกงสุล
รวมทั้ง พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าคดีฆาตกรรม น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ ซึ่งเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2550 ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ. สุโขทัย
ซึ่งตรวจพบจากขอบกางเกงด้านหลังของน.ส.โทโมโกะ ประกอบกับขวดน้ำช้างศึก ซึ่งเป็นขวดน้ำที่ผลิตขึ้นในพื้นที่ของตชด. ก็ได้มีการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจตชด. และชาวบ้านละแวกนั้นรวม 200 ราย
จนมาถึงวันที่ 24 ก.ค. 2552 ตำรวจได้งดการสืบสวนสอบสวนหลังไม่พบความจริง และมีการสืบสวนต่อในช่วงที่ 2 คือในปี 2556 ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ของให้ดีเอสไอ รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากกระทบต่อการท่องเที่ยว เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางไปเที่ยวที่จ.สุโขทัยจึงได้มีการตรวจดีเอ็นเอผู้เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นอีก 146 ราย รวมเป็น 336 ราย ก็ยังไม่พบเบาะแส แต่ได้มีการงดการสอบสวนชั่วคราวเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2559 แต่การสืบสวนยังดำเนินการต่อ
จนมาถึงช่วงที่ 3 เมื่อปี 2560 มีผู้แจ้งเบาะแสผ่านเว็ยไซต์ดีเอสไอ ทางดีเอสไอจึงดำเนินการสอบสวน โดยได้ตรวจดีเอ็นเอพ่อค้าในพื้นที่เพิ่มอีก 2 ราย
ต่อมาในช่วงที่ 4 คือในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงที่ตนมารับตำแหน่งรมต.ยุติธรรม และเป็นชาวจ.สุโขทัย ก็ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและได้ข้อมูลว่าผู้ต้องสงสัยน่าจะเป็นคนงานของฟาร์มหมูในละแวกนั้น
โดยได้เก็บดีเอ็นเอของญาติคนงานฟาร์มหมู เนื่องจากคนงานฟาร์มหมูคนดังกล่าวเสียชีวิตไปแล้ว จึงได้มีการเก็บดีเอ็นเอพี่ชาย และพี่สาว รวมทั้งลูก ซึ่งครอบครัวดังกล่าวอยู่ที่ไต้หวัน โดยได้เก็บดีเอ็นเอเพิ่มขึ้นอีก 14 ราย
รวมตลอด 4 ช่วงของการสืบสวนคดีดังกล่าว มีการเก็บดีเอ็นเอได้ 379 ราย เมื่อได้ตรวจสอบ กลับปรากฎว่าไม่ตรวจกับดีเอ็นเอที่ขอบกางเกงของน.ส.โทโมโกะ จึงได้เปลี่ยนการสืบสวนสอบสวนใหม่ โดยนำดีเอ็นเอไปปรึกษากับนักพันธุ์ศาสตร์วิเคราะห์แล้วพบว่าเป็นชาติพันธุ์กลุ่มประชากรในเอเชียตะวันออก ซึ่งมี 7 กลุ่มประเทศ แต่ที่ยืนยันได้คือใน 7 กลุ่มไม่มีประเทศไทย
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า คดีนี้เกิดชึ้นที่ประเทศไทย เป็นความรับผิดชอบของทางการไทย เมื่อไม่ปรากฎว่าผลตรวจดีเอ็นเอเป็นของคนไทยก็จะประสานไปยังตำรวจสากล และตำรวจญี่ปุ่น เพื่อมอบให้ดำเนินการต่อ เพราะว่ากฎหมายและต่างชาติแตกต่างกันนายโทโมยูกิ กล่าวว่า ขอขอบคุณที่ทางการไทยให้ความสำคัญกับการสืบสวนคดี แต่น่าเสียดายที่ผลการตรวจดีเอ็นเอไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้ แต่ก็เป็นผลดีของการสืบสวนต่อ ซึ่งทางการญี่ปุ่นยินดีที่จะประสานเรื่องการไขคดีกับดีเอสไอต่อไป
ผลการวิเคราะห์ฐานข้อมูลดีเอ็นเอของไทย ทำให้ทราบว่าคนร้ายน่าจะเป็นเชื้อชาติพันธุ์เอเชียตะวันออก และมีความเป็นไปได้ว่าไม่ใช่คนไทย แต่ก็ไม่ได้ตัดสินว่าคนร้ายจะเป็นคนชาติไหน
ทางการญี่ปุ่นยินดีที่จะสืบสวนต่อ แต่คดีนี้อยู่ระหว่างการสืบสวน การจะให้ระบุว่าจะบังคับให้ชายญี่ปุ่นคนดังกล่าวมาตรวจดีเอ็นเอได้หรือไม่นั้นไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
เมื่อถามว่าในช่วงเวลาเกิดเหตุมีผู้ต้องสงสัยใกล้ชิดกับน.ส.โทโมโกะ เดินทางออกนอกประเทศกี่คน พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า จากการสืบสวนพบว่ามีผู้ใกล้ชิดกับเหตุการณ์เป็นนชาวญี่ปุ่นเดินทางออกนอกประเทศ 1 ราย
ซึ่งชายคนดังกล่าวเป็นเพื่อนของชาวญี่ปุ่น แต่ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจดีเอ็นเอในครั้งนั้น โดยบุคคลดังกล่าวอยู่ที่ญี่ปุ่น และยังมีชีวิตอยู่ เชื่อว่าจะสามารถติดตามตัวมาตรวจดีเอ็นเอได้
ส่วนที่มีการระบุว่าพบชาวเกาหลีใต้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น ดีเอสไอจะตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งการดำเนินการในเรื่องการสืบสวนคดีนี้ และผลที่ออกมา ถือว่าเป็นการกู้ศักดิ์ศรีความเป็นคนสุโขทัย ไม่ทำร้ายนักท่องเที่ยว ทำความชัดเจนให้ปรากฎ ซึ่งการสอบสวนในเมืองไทยสมบูรณ์ คนไทยรอดตัวแล้ว
นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ ผู้อำนวยการกองมาตรฐานนิติวิทยาศาสตร์และผู้อำนวยการกองสารพันธุกรรม กล่าวว่า น้ำยาใหม่ที่ใช้ตรวจสอบสกัดหารูปแบบสารพันธุกรรม คือ น้ำยา Yfiler Plus นั้น มีระดับผลความแม่นยำ 99.99%
ซึ่งผลจากการสกัดดีเอ็นเอขอบกางเกงด้านหลังข้างขวาของน.ส.โทโมโกะ พบว่าเข้ากับลักษณะพันธุกรรมที่มีเอกลักษณ์ดีเอ็นเอของคนชาติพันธุ์กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน อย่างไรก็ดี มีลักษณะคล้ายคลึงกับชาวญี่ปุ่น และเกาหลีใต้มากกว่า