เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 15 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข และนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข พร้อมคณะลงพื้นในจ.ระยอง เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านจากเหตุการณ์พบทหารชาวอียีปต์ติดโควิดเข้ามาในพื้นที่ สร้างผลกระทบภาพรวมในจังหวัดอย่างมาก
โดยระหว่างคณะนายกรัฐมนตรีกำลังเดินมา ปรากฏว่ามีนายภานุพงศ์ จาดนอก และนายณัฐชนน พยัฆพันธ์ แกนนำเยาวชนภาคตะวันออก ได้ชูป้ายใจความว่า การ์ดอย่าตกพ่องง และอยู่ต่อก็ฉิบหายออกไปเถิดไอ้.... ก่อนถูกตำรวจหิ้วตัวทั้ง 2 คนขึ้นรถออกไปจากพื้นที่หน้าโรงแรมทันทีต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวทั้ง 2 คน โดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ท่ามกลางชาวบ้านที่มาให้กำลังใจและโห่ร้อง
จากนั้นนายภานุพงศ์ และนายณัฐชนน เปิดใจว่า เตรียมแจ้งความเอาผิดเรื่องการกระทำของเจ้าหน้าที่ ฐานกระทำการเกินกว่าเหตุ กักขังหน่วงเหนี่ยว กรณีอุ้มตนขึ้นรถไปและไม่แจ้งข้อกล่าวหา แถมยังทำร้ายร่างกายขณะอุ้มไปด้วย จนเป็นบาดแผล จากนี้ต้องขอปรึกษากับทนายด้วยว่า จะเอาผิดเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการในข้อหาใดได้เพิ่มบ้าง
ต่อมานายภีมร์เดช อมรสุคนธ์ ประธานสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมภาคตะวันออก เดินทางมาพร้อมกับนายภานุพงศ์ และนายณัฐชนน ที่สภ.เมืองระยอง เพื่อเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ธวัช หนอสิงหา รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองระยอง
นายภีมร์เดช ในฐานะทนายความ กล่าวว่า การกระทำของทั้งสองคน ถือเป็นสิทธิตามประชาธิปไตย เป็นการชูป้าย เพื่อแสดงถึงความล้มเหลวของรัฐบาล ต้องการแสดงออก และตั้งคำถามในการแก้ไขวิกฤตดังกล่าว แต่ตำรวจกลับใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ โดยเบื้องต้น
นายภานุพงศ์ ให้การว่า การกระทำของตำรวจถือว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ตนทั้งสองคนมาแสดงออกตามสิทธิประชาธิปไตย กลับวิกฤตของชาวระยอง แต่กลับถูกกระทำรุนแรงจากเจ้าหน้าที่ เหมือนเราเป็นคนร้าย ทั้งที่เราไม่มีอาวุธมีเพียงป้าย และ ไม่มีเจตนาแอบแฝงใด แต่กลับบังคับเราไปโดยที่เราไม่ยินยอมจนเกิดบาดแผล รวมถึงอิสรภาพด้วย
โดยจะแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ร่วมกันกระทำ ทั้งหมด 4 ข้อหา
1.กักขังหน่วงเหนี่ยวให้เสียอิสรภาพ 2.ลักพาตัว 3.ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 4.ทำร้ายร่างกายๆ