ย้อนรอยคดี “น้องชมพู่ ไขปริศนา ผลDNA ทำไม2เดือน ยังจับใครไม่ได้

น้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ชาวบ้านกกกอก ตำบลกกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร หายตัวไปจากบ้านเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 63

ครอบครัวประกาศตามหาผ่านสื่อโซเชียล กระทั่งค่ำวันที่ 14 พฤษภาคม พบร่างเปลือยไร้วิญญาณ กลางเขาภูพานน้อย ห่างจากบ้านพักราว 2 กิโลเมตร

เมื่อพบ ด.ญ.กลายเป็นศพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมทีมสืบสวนสอบสวนชุดใหญ่ นำโดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่มีชื่อชั้นเป็นนักสืบมือต้นๆในยุคนี้ นำทีมนักสืบจากส่วนกลาง ร่วมกับในท้องที่มุกดาหาร และตำรวจภูธรภาค 4 ปูพรม เอ็กซ์เรย์ทั้งหมู่บ้าน เชิญบุคคลที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องเข้าสอบสวน เริ่มจากคนใกล้ชิด ขยายวงออกไปตามลำดับ ชายหลายคนในหมู่บ้านถูกเรียกให้การ ในฐานะผู้ต้องสงสัยไว้ก่อน

ตำรวจชุดสืบสวน ใช้เวลาเกือบ 2 เดือน ในการคลุกวงในพื้นที่ ผู้ต้องสงสัยหลายคนถูกเรียกสอบหลายครั้ง แต่ทุกคนยังเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย จากในไปวงนอก จากวงนอกกระชับพื้นที่มาวงใน!

สังคม และโลกโซเชียล ตั้งคำถามและร่วมตรวจสอบเรื่องนี้ใกล้ชิด ปฏิกิริยา คำพูด ของบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ กับน้องชมพู่ ถูกจับโป๊ะ และถูกสังคมตั้งศาลมวลชนพิพากษา เป็นคนผิด!

เกิดปรากฏการณ์ทัวร์ลง ชาวเน็ตรุมกระหน่ำ คอมเม้นต์ในสื่อโซเชียลส่วนตัวของบุคคลที่สังคมตั้งข้อสงสัย บรรยากาศในหมู่บ้าน เต็มไปด้วยความหวาดระแวง

พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.)กล่าวว่า ในการทำคดีอาญา พยานหลักฐานในกระบวนการยุติธรรม คือ พยาน ไม่ว่าจะเป็นพยานเอกสาร พยานบุคคล พยานวัตถุ คดีนี้พยานหลักฐานที่ทีมสืบสวนพยายามใช้เชื่อมโยงคือพยานวัตถุ ที่ยังไม่โยงถึงใคร วัตถุพยานที่พบก่อนนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถโยงถึงผู้อื่นได้ ผลชันสูตรเบื้องต้นชี้ว่าร่างกายขาดน้ำ ก่อนเสียชีวิต

"สิ่งสำคัญคือคดีอาญา ใช้กระแสสังคม กระแสโซเชียลตัดสินไม่ได้ การสืบสวนสอบสวนไปเต้นตามสังคมไม่ได้ ตำรวจจะสรุปได้ต้องมีหลักฐานเท่านั้น และหลักฐานที่สามารถใช้ในชั้นศาลที่ดีที่สุดคือหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์" อดีตรองผบ.ตร.กล่าว

25 มิถุนายน 63 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าขอเวลาตำรวจทำงาน ยังจับใครไม่ได้ เป็นเรื่องพูดยาก แต่ตำรวจทำงานเต็มที่

ขณะที่วันเดียวกัน พล.ต.อ.สุวัฒน์ หัวหน้าทีมสืบสวน สอบสวน ยืนยัน คดีนี้ยังไปต่อ และไม่มีการจับแพะ แน่นอน

9 กรกฎาคม พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ผบช.ภ.4) กล่าวเพียงสั้นๆว่า คดีนี้ยังไม่มีออกหมายจับใครเป็นผู้ต้องหาที่ ทำร้าย หรือ ฆ่า น้องชมพู่ ตัวละครที่สื่อโซเชียลและสื่อมวลชนยกมาตั้งข้อสังเกตุ หรือพุ่งเป้า ส่วนหนึ่งเพราะการเสนอข่าวที่พยายามต่อประเด็นจนเละเทะ แต่ยืนยันว่าตำรวจยังคงพยายามสืบสวนสอบสวนหาหลักฐาน

เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วคดีนี้จะยุติการหาคนร้ายและทำเป็นสำนวนชันสูตร (การเสียชีวิต โดยไม่ได้ถูกกระทำ) หรือไม่ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า เป็นประเด็นที่มองไว้ แต่ต้องรอผลการตรวจชันสูตรทางนิติเวชเสียก่อน

แหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า การตรวจพยานหลักฐาน โดยเฉพาะดีเอ็นเอ วัตถุพยานต่างๆ จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถบ่งชี้ถึงผู้ต้องสงสัยรายใดได้เลย วัตถุพยานเส้นผมหรือ เส้นขนที่พบก่อนหน้านี้ตรวจพิสูจน์แล้วเป็นของน้องชมพู่เอง และส่วนที่แฝงเข้ามาก็ยังไม่ตรงกับใคร

ขณะที่ผลการชันสูตร อย่างละเอียด ยังเป็น "จิ๊กซอว์" ตัวสำคัญ ที่ยังรอประกบกับคนร้าย (ถ้ามี) ชุดสืบสวนสอบสวนยังคงหาพยานหลักฐาน

ท้ายที่สุด หากคดีนี้ไม่สามารถต่อจิ๊กซอว์ว่ามีคนร้าย หรือบ่งชี้ด้วยพยานหลักฐานว่าคนร้ายเป็นใครได้ชัดเจน อาจจบไว้เป็นคดีที่ให้ยุติการสอบสวน เป็นคดีไม่สามารถทราบตัวผู้กระทำผิดได้

หรือจบลงที่การให้มีคำสั่งเป็นการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ การตายโดยไม่มีผู้กระทำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งที่ตำรวจมองไว้ หากไปสุดทางแล้วการสืบสวนและสอบสวนไปได้ว่า "ไม่มีใครทำ"

จะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ ต้องติดตามต่อไป!!