พี่สาวเด็ก12ถูก7ญาติรุมโทรม ปล่อยโฮถูกรุมเกลียด แถมเคยโดนล่อลวง

จากกรณีเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม จ.สุพรรณบุรี พาเด็กหญิงกำพร้าวัย 12 ปี เข้าแจ้งความ หลังพี่สาวให้ข้อมูล เด็กถูกกลุ่มเครือญาติ รวม 7 คน ล่วงละเมิดทางเพศมานานกว่า 2 ปี บังคับให้กินยาคุมไม่ให้ท้อง เรื่องแดงเพราะโดนกระทำรุนแรงจนมดลูกอักเสบ ติดเชื้อ อวัยวะเพศฉีก ปวดท้องอย่างหนัก

เมื่อวานนี้ (15 มิ.ย.) ตำรวจ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ควบคุมตัวกลุ่มญาติ 5 คน ที่เป็นผู้ใหญ่ วัย 21- 51 ปี มีทั้งลุง น้า อา พี่ ของเด็กผู้เสียหาย โดยนำเสื้อมาคลุมศีรษะกลุ่มผู้ต้องหาไว้ นำตัวออกจากห้องควบคุมของโรงพัก ไปฝากขังต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ในชั้นพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามผู้ต้องหาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีใครพูด สีหน้าไม่สลด ได้แต่เดินก้มหน้าเดินขึ้นรถไป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากับกลุ่มญาติที่เป็นผู้ใหญ่ 2 ข้อหา ได้แก่

กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม

และกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้เด็กนั้นเข้าใจผิคว่าตนเป็นบุคคลอื่น

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 5 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าเด็กสติไม่ดี ขอให้การต่อสู้ในชั้นศาล

ส่วนเยาวชนอีก 2 คน อายุ 11 และ 14 ปี ที่ร่วมก่อเหตุ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างประสานผู้ปกครองนำมาสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพ และจะนำตัวส่งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.สุพรรณบุรี ต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.มาโนชญ์ จิตรภักดี รองผู้บังคับการ จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำเด็กหญิงวัย 12 ปี พร้อมสหวิชาชีพ ให้ข้อมูลยืนยันว่า เรื่องเกิดขึ้นตั้งเเต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2561 หนึ่งในผู้ต้องหาได้ข่มขืน และใช้อาวุธมีดข่มขู่ว่าห้ามบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย ทำให้เด็กหญิงกลัว ไม่กล้าบอกใคร โดยผู้ต้องหารายนี้จะข่มขืนวันละ 2 ครั้งทุกสัปดาห์ ต่อมาผู้ต้องหาที่เป็นเครือญาติที่เหลือได้ล่วงละเมิดทางเพศยาวนานกว่า 2 ปี โดยยังให้ใช้ปากสำเร็จความใคร่

กระทั่งเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เด็กหญิงมีอาการปวดท้องรุนแรง พี่สาวจึงพาไปโรงพยาบาล พบว่าอวัยวะเพศฉีกขาด มดลูกอักเสบ มีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดชัดเจน จึงเข้าสู่กระบวนการ นำเด็กไปฟื้นฟูจิตใจ ขณะที่ตำรวจนำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 5 คน โดยการกระทำของผู้ต้องหากระทำต่างคน ต่างกรรมและต่างช่วงเวลา โดยเด็กหญิงยืนยันครั้งสุดท้ายที่ถูกกระทำคือเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2563 ทั้งนี้ตำรวจมั่นใจในหลักฐาน ทั้งคำให้การเด็กและผลการตรวจร่างกาย

พี่สาวของเด็กหญิงวัย 12 ปี เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตั้งแต่ช่วงโควิดรู้สึกว่าน้องเปลี่ยนไป ทั้งคำพูดและการกระทำ เพราะเวลาที่ทะเลาะกับเธอ น้องจะมีอารมณ์รุนแรง ชอบทำร้ายตัวเอง จิกหัวตัวเองพร้อมขู่จะฆ่าตัวตายอยู่ตลอด ซึ่งก่อนที่เรื่องจะแดงขึ้น น้องบ่นว่าปวดท้อง ตนนึกคิดว่าน่าจะปวดท้องประจำเดือน แต่พอไปตรวจพบว่าอวัยวะเพศฉีกขาด เนื่องจากถูกล่วงละเมิดทางเพศ

"มารู้ความจริงว่าน้องถูกข่มขืนมานานกว่า 2 ปี ที่เจ็บใจคือเป็นเครือญาติกันทั้งนั้น หลังญาติถูกจับรู้สึกอึดอัดและร้องไห้ทุกวัน เจอเครือญาติกดดัน ทั้งนี้เมื่อ 2-3 ปีก่อน ตนเองยังเคยถูกหนึ่งในผู้ต้องหาล่อลวงไปลวนลามหวังจะข่มขืน แต่ตนขอไว้และบอกว่าจะไม่แจ้งความ ก็ไม่คิดว่าจะมาเกิดขึ้นกับน้องสาว ตอนนี้ญาติพี่น้องเกลียดหนูกันหมด หนูก็เห็นใจทุกฝ่าย"

ขณะที่ พ่อบุญธรรมของเด็กหญิงวัย 12 ปี เล่าว่า เลี้ยงเด็กเป็นลูกบุญธรรมมาตั้งแต่คลอด เนื่องจากแม่ของเด็กดูแลไม่ได้เพราะสติไม่สมประกอบ ตอนคลอดไม่รู้ว่าพ่อขอเด็กเป็นใคร ที่ผ่านมาลูกไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเพราะอยู่บ้านคนละหลังกัน โดยให้น้องสาวเป็นคนเลี้ยง มาทราบเรื่องตอนตำรวจมาจับกุมกลุ่มญาติที่ก่อเหตุ ไม่คิดว่าจะกล้าล่วงละเมิดลูกสาวของตนอย่างนี้ ทั้งที่เป็นญาติกันแท้ ๆ หลังเกิดเรื่องยังไม่ได้คุยกับกลุ่มผู้ต้องหา ไม่รู้จะไปคุยอะไร

ด้าน ภรรยาหนึ่งในผู้ต้องหา กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าสามีจะข่มขืนเด็กหญิงจริง ๆ ตนเองคบกับสามีมานานถึง 8 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คนแล้ว สามีเป็นคนดีและเป็นคนขยันทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ยอมรับว่าโกรธพี่สาวของเด็กหญิงที่กุเรื่องนี้ขึ้นมา จนทำให้ทุกคนลำบาก หลักฐานก็ไม่มี ที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็นความผิดปกติอะไรเลย ตนก็ตัวติดสามีตลอด เป็นไปไม่ได้ที่สามีจะไปกระทำแบบนั้น แต่ถ้าผิดจริงก็ปล่อยไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

ขณะที่ นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผู้ว่าราชการ จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ตนได้ไปเยี่ยมให้กำลังใจเด็ก พบว่าสภาพจิตใจดีขึ้น ค่อนข้างสดใสร่าเริง แถมยังได้ร้องเพลงของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ให้ฟังด้วย อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการประเมินสภาพจิตใจในระยะยาว ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือวางแผนการดำเนินชีวิตในอนาคตของเด็กคนดังกล่าว เนื่องจากเด็กไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเดิมได้อีกต่อไป

ส่วนพี่สาวของเด็ก ทราบว่าถูกคุกคามข่มขู่และถูกญาติพี่น้องรังเกียจ ซึ่งตนจะส่งเจ้าหน้าที่ปกครองเข้าไปตรวจสอบและพูดคุยกับพี่สาว เพื่อถามความสมัครใจหากต้องการออกจากพื้นที่จุดเกิดเหตุ เพื่อมาอยู่ในความดูแลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องถิ่น ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. รวมถึงตำรวจในพื้นที่ ให้เข้มงวดตรวจตราป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย

ล่าสุด มีรายงานว่าญาติ นายสุรัตน์ อายุ 33 ปี จำเลยที่ 5 ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลพิเคราะห์แล้วตีราคาหลักประกัน 350,000 บาท และเงินสดจำนวน 100,000 บาท อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ผู้สื่อข่าวไปที่บ้าน พบว่าเก็บตัวเงียบในบ้านไม่ยอมออกมา และไม่ขอพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนจำเลยที่ 1-4 ไม่มีผู้ยื่นคำร้องขอประกันตัว จึงใช้อำนาจฝากขังผัดแรก ในเรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรี