น้าสะใภ้ อ้างไม่ได้พาหลานวัย 13 ปีไปให้เพื่อนข่มขืน


น้าสะใภ้ อ้างไม่ได้พาหลานวัย 13 ปีไปให้เพื่อนข่มขืน

หลังครอบครัวของเด็กวัย 13 ปี พาเด็กไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล ญาติของเด็กบอกว่าแพทย์ตรวจอัลตร้าซาวด์แล้ว พบว่า เด็กในท้องเสียชีวิตแล้ว แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดอื่นๆ

ญาติ ยังเล่าว่า หลังเรื่องนี้กลายเป็นข่าว นายแบงค์ ชายที่ก่อเหตุข่มขืนเด็กวัย 13 ปี โทรศัพท์มาหาย่าของเด็ก พร้อมข่มขู่ ทำให้ขณะนี้ครอบครัวกังวลว่าอาจได้รับอันตราย จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรท่าเรือ และ ร้องเรียนไปที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

ส่วนความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้ ตำรวจ รวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดกับนายแบงค์ เบื้องต้นตั้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กที่มีอายุ 13 ปี รวมถึงข้อหาพรากผู้เยาว์ และ หากพบว่ามีความผิดเข้าข่ายในข้อหาใดอีกก็จะได้ดำเนินคดีในข้อหาอื่นๆด้วยต่อไป



สำหรับเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนธ.ค.ปี 2562 ตามข้อมูลของเด็กที่เล่าให้ญาติฟัง ระบุว่า

วันเกิดเหตุประมาณ02.00 น.น.ส.นุส ปลุกให้หลานที่นอนอยู่ บอกว่าจะชวนไปกินก๋วยเตี๋ยว แต่ข้อมูลจากน.ส.นุส ที่เล่าให้ญาติคนอื่นๆฟัง ระบุว่า เด็กเต็มใจออกจากบ้านไปโดยนัดแนะกันไว้ก่อน

จากนั้น ทั้ง 2 คน ปีนออกจากบ้านไปทางหน้าต่างโดยที่นอกบ้าน มีรถยนต์จอดรออยู่ บนรถมีผู้ชาย 2 คน คือ นายแบงก์ ผู้ก่อเหตุ และ เพื่อนชายของน.ส.นุส รออยู่

เมื่อขับออกไปถึงสนามฟุตบอลในเขตวัดพระแท่นดงรังวรวิหารที่อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 5 กิโลเมตร ในบริเวณดังกล่าว มีโรงพักชุมชนอยู่ใกล้ๆ ตามคำบอกเล่าของเด็กวัย 13 ปี น.ส.นุส และ เพื่อนชาย ลงจากรถ ไป ซึ่งเด็กบอกว่า เธอพยายามลงจากรถตามไปด้วย แต่น.ส.นุส ผลักให้กลับขึ้นไปบนรถ

จากนั้นรถจึงขับออกไป และนายแบงค์ก่อเหตุข่มขืน เด็กวัย 13 ปี จนตั้งท้อง น.ส.นุช บอกว่า เธอไม่ได้บังคับหลานสาว พร้อมบอกว่า เด็กวัย 13 ปี คบหากับ นายแบงค์อยู่ก่อนแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้บังคับแต่เป็นการออกไปด้วยความเต็มใจ

ขณะที่ ข้อมูลจากย่าของเด็ก บอกว่า หลานสาวเล่าให้ฟังว่า ตลอดเวลาที่อยู่ในรถพยายามร้องเรียกให้น้าสะใภ้ช่วย แต่น้าสะใภ้ก็ไม่หันกลับมา

น้าสะใภ้ อ้างไม่ได้พาหลานวัย 13 ปีไปให้เพื่อนข่มขืน

ย่าของเด็ก ยังเชื่อว่า เด็กไม่มีทางออกจากบ้านเองในยามวิกาลถ้าไม่ถูกผู้ใหญ่หลอกไป เพราะพื้นฐานเดิมก็เป็นเด็กเรียบร้อย และไม่ค่อยออกไปเที่ยวนอกบ้าน นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมเหมือนจะชอบผู้หญิงด้วยกัน ไม่ได้ชอบผู้ชาย จึงไม่น่าจะรู้จักนายแบงก์มาก่อน ต่างจากน้าสะใภ้ที่มักแอบสามีออกไปหาเพื่อนชายกลางดึกบ่อยครั้ง เช่นเดียวกับวันเกิดเหตุที่อาศัยจังหวะที่สามีบวชอยู่ลวงหลานสาวออกไปให้นายแบงก์ข่มขืน

ทีมข่าวสำรวจบริเวณสนามฟุตบอลจุดเกิดเหตุ พบว่าแม้จะอยู่ในเขตวัดพระแท่นดงรังวรวิหาร แต่ก็อยู่ห่างจากส่วนที่เป็นอุโบสถและกุฎิพระคนละฟากสนามฟุตบอล จุดที่ใกล้ที่สุดกลับเป็นสถานีตำรวจชุมชนพระแท่นที่อยู่ห่างออกไปไม่เกิน 100 เมตร

ตำรวจสายตรวจที่ประจำการอยู่ บอกว่าที่นี่เป็นสถานีย่อยที่มีตำรวจสายตรวจประจำการอยู่เพียง 2 คนเท่านั้น โดยผลัดเวรกันมา และไม่ได้อยู่ประจำ 24 ชั่วโมงเพราะต้องออกไปตรวจตามจุดต่าง ๆ โดยเฉพาะช่วง02.00 น.ซึ่งเป็นช่วงที่ก่อเหตุ ปกติตำรวจจะออกไปดักจับเด็กแว้น เมื่อกลับมาก็จะขับรถวนรอบสนามฟุตบอล หากพบมีรถจอดก็จะคอยสอบถามว่ามาจอดทำอะไร ทำแบบนี้เป็นประจำแต่ก็ไม่เคยพบสิ่งผิดสังเกต

ภายหลังจากที่มีการนำเสนอข่าว วันนี้ 8 พ.ค. 2563 ทางบ้านพักเด็กและครอบครัว จ. กาญจนบุรี ลงพื้นที่มาพูดคุยกับครอบครัวเด็ก โดย น.ส.วรรณวิสา พิทักษ์วงษ์ หัวหน้าบ้านพัก เปิดเผยว่า 

หลังจากนี้จะมีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานในชุมชน ช่วยเหลือคุ้มครองสวัสดิภาพของตัวเด็กและครอบครัวให้มีความปลอดภัย เพราะทราบเรื่องที่ผู้ก่อเหตุโทรศัพท์มาข่มขู่

นอกจากนี้ หากสภาพจิตใจเด็กไม่พร้อมต่อการกลับไปเรียนในโรงเรียนเดิม ทางบ้านพักเด็กและครอบครัวก็จะประสานสถาบันเพาะกล้าคุณธรรม ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับเข้าเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


เครดิตแหล่งข้อมูล : pptvhd36

น้าสะใภ้ อ้างไม่ได้พาหลานวัย 13 ปีไปให้เพื่อนข่มขืน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
คุณ : me
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 203.151.136.238

203.151.136.238,,238.136.151.203.sta.inet.co.th ความคิดเห็นที่ 2 [อ้างอิง]
wellcome


[ วันอาทิตย์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 10:40 น. ]
เช็คเบอร์มือถือ คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์