เปิดตัว “3 ฮีโร่” เล่านาทีชีวิตเข้าช่วยเหลือเหยื่อเหตุกราดยิงโคราช

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานประชุมการจัดงานขอบคุณคนดีของสังคมด้วยหัวใจ และมอบใบประกาศเกียรติคุณเพื่อเชิดชูคุณงามความดี ในวันที่ 21 ก.พ.63 เวลา 17.00 น.ที่เป็นบุคคลที่เสียสละในการเข้าไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บในช่วงเหตุการณ์กราดยิงช่วงวันที่ 8-9 ก.พ.63 ทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทั้งบริเวณประตูด้านหลัง และภายในวัดป่าศรัทรวม ต.หัวทะเล และภายในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช โดยมีเหล่ากาชาดจังหวัด หอการค้าจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง โดยงานนี้มีการเชิญทุกฝ่ายที่มีส่วนแก้ไขสถานการณ์ อาทิ ทหาร ตำรวจ มูลนิธิกูภัย ฮุก 31 เจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัย, มูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถาน, แก๊ป, วินจักรยานยนต์ และประชาชนที่แจ้งเหตุต่างๆ รวมประมาณกว่า 700 คน

นายวิเชียร กล่าวว่า การจัดงานขอบคุณคนดีของสังคมด้วยหัวใจต้องเรียนว่าในช่วงเหตุการณ์วันที่ 8-9 ก.พ.ที่ผ่านมานอกจากเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้วยังมีพี่น้องที่ทำความดีอีกจำนวนมากที่มีส่วนช่วยทางราชการ ในรูปแบบการช่วยโดยตรงในการเสี่ยงชีวิต หรือช่วยสนับสนุนในการแก้ปัญหา ทางจังหวัดทางราชการไม่ลืมคนเหล่านั้น โดยกำกหนดจัดงานเลี้ยงขอบคุณท่านเหล่านี้ในวันศุกร์ที่ 21 ก.พ.คือพรุ่งนี้ (21 ก.พ.) เวลา 17.00 น.ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ชั้น G โดยได้รับความสนับสนุนของนางปพิชญา ณ นครพนม ผอ.ศูนย์การค้าฯ และพนักงานในการต้อนรับ

"งานนี้เราจะมีการมอบใบประกาศเกียรติคุณบุคคลเหล่านี้ เพื่อเป็นการขอบคุณแทนครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต และเป็นการขอบคุณแทนทางราชการที่ท่านเหล่านี้ได้มีส่วนในการช่วยเหลือทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอเชิญท่านที่รู้ว่าท่านใดกระทำความดีในช่วงนั้นแล้วทางราชการอาจจะไม่ทราบหรือท่านทราบว่าท่านมีส่วนในการกระทำความดีพบกัน 17.00 น. ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช เราจะมีการลงทะเบียนชื่อท่าน ประวัติ และพฤติกรรมการทำความดีของท่าน และช่วงค่ำเราก็มอบใบประกาศเกียรติคุณเชิดชูคุณงามความดี วันนั้นทุกภาคส่วนจะไปพร้อมกันเพื่อขอบคุณทุกท่านที่เป็นคนดีจากใจคนโคราช

ทั้งนี้ ได้มีคนดีในสังคมเดินทางไปรายงานตัวในหนึ่ง 2-3 คน อาทิ นางอภิรนุช สุดนธวิทย์ หรือ "เอื้อย" อายุ 50 ปี ทำงานเป็นอาสาสมัครกู้ภัยสว่างเมตตา เล่าว่า เหตุการณ์ตั้งแต่ต้นตนนั่งอยู่บ้านหน้าโรงเรียนบุญวัฒนา ฟังวิทยุสื่อสารแจ้งเหตุยิงกันมีผู้บาดเจ็บ 3 ราย จึงรีบขี่รถจักยานยนต์ไปดูและช่วยกั้นรถทุกคันเพื่อให้ประชาชนที่ไม่รู้เรื่องให้ออกไปเส้นทางอื่น ซึ่งตอนนั้นเรามี 4 คนกู้ภัย 2 คน อาสาตำรวจบ้าน 1 คน ทหารอีก 1 คน และได้รับแจ้งอีกว่ามีผู้บาดเจ็บ 3 รายเป็นตำรวจ และแก๊ป จึงพยายามให้รถพยาบาลกู้ภัยพาไปเอาผู้บาดเจ็บ

"โดย 1 คนที่เป็นแก๊ปอยู่ตรงเสาไฟฟ้า แต่ผู้ก่อเหตุยิงปืนออกมา ตำรวจที่ปิดล้อมก็ยิงสวนเข้าไป พอเสียงปืนสงบคนก่อเหตุขับรถออกจากวัดป่าศรัทธารวมไป เราจึงเข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บ 2 ราย โดย 1 รายเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนาที่มากับแม่ และอีก 1 รายที่มากับครอบครัวผู้กองหมี..โดยภรรยารอดชีวิตจึงรีบนำส่งโรงพยาบาล ตอนนั้นไม่กลัวอะไร และช่วงหนึ่งต้องคอยหลบวิถีกระสุนด้วย แล้วอยากให้คนเจ็บรอด ไม่อยากให้เสียชีวิต อยากช่วยเต็มที่ สุดๆ ส่วนที่ผู้ว่าฯ จะมอบประกาศเกียรติคุณคุณงามความดีก็รู้สึกภูมิใจและขอขอบคุณท่านผู้ว่าฯ และคนโคราชทุกคน"

ขณะที่นายเฉลิมศักดิ์ สุนิธยาภรณ์ อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลหัวทะเล เล่าว่า ขณะกราดยิงตนอยู่ในสุสานตรงข้ามประตูหลังวัดได้ยิงเสียงรถชนประตูจึงกระโดดข้ามรั้วมายืนกันรถบริเวณ 3 แยกให้เข้าไปในจุดที่มีการยิง เพราะถ้าพลเมืองดีเข้าไปจะมีคนถูกยิงตายอีกเยอะมาก วันนั้นวันมาฆบูชาประตูหลังวัดเปิด ตนเห็นทหารคลั่งกราดยิงกระสุนออกมาจากในวัดมาข้างนอก และพยายามวิ่งหลบกระสุนปลิวว่อนไปหมด ตอนนั้นไม่กลัวอะไรแล้ว แต่ขอให้ชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ในเหตุการณ์รอดปลอดภัยเป็นพอ ซึ่งช่วยได้ 2 คน นอกนั้นทั้งตำรวจ และตำรวจบ้านภายในวัด 9 รายเสียชีวิตหมด

อีกคนคือนายวัชระ ผุดกระโทก อายุ 25 ปี ทำงานผู้ช่วยนักกายภาพบำบัด รพ.ป.แพทย์ เล่าว่า ช่วงประมาณ 16.00 น.วันที่ 8 ก.พ.กำลังทำงานอยู่ที่ รพ.ป.แพทย์ ลงเวรเสร็จขับรถกลับห้องพักได้รับแจ้งเหตุว่า มีเหตุยิงกันที่หลังวัดและในวัดป่าศรัทธารวม จึงตัดสินใจรีบไปช่วยเหลือ พอถึงที่เกิดเหตุผู้ก่อเหตุยังกราดยิงอยู่อย่างต่อเนื่องเมามันส์อยู่ด้านหลังวัดป่าศรัทธารวม ใกล้ประตูเข้าวัดด้านหลัง ตอนนี้มีตำรวจกันพื้นที่ไว้จนกระทั่งเสียงปืนสงบไม่นานตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่จนปลอดภัยพร้อมให้แพทย์ พยาบาลเข้าไปช่วย ตนจึงรีบเข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บคือ แก๊ปถูกยิงอยู่ข้างกำแพงวัดก็ได้ไปตรวจพบว่า ไม่มีชีพจร และไม่หายใจ จึงรีบทำ CPR ปั๊มหัวใจรอรถพยาบาลกู้ชีพมารีบนำส่งโรงพยาบาลมหาราช

หลังจากนั้นตนก็เข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บในวัดป่าศรัทธารวมพบว่า แต่ละเครสไม่มีชีพจรแล้ว ตนสามารถช่วยรายแก๊ปได้แต่ก็ต้องพยายามหลบกระสุน เพราะคนร้ายรัวยิงออกมา โดยตอนนั้นมีตำรวจ 2 นายวิ่งไปคอยคุมกันให้ตนทำ CPR ตอนนั้นเรื่องกลัวลืมหมด มันเป็นสัญชาตญาณ ซึ่งตนทำงานกู้ภัยด้วยและทำงาน รพ.ป.แพทย์ด้วย ส่วนการที่จังหวัดฯมอบประกาศเกียรติคุณก็ต้องขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดและคนโคราช ที่เป็นตัวแทนครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต