ชวดประกัน ‘แก๊งอุ้มบุญ ’ นอนคุก ตร.หิ้วฝากขัง แจ้ง 3 ข้อหา
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอาชญากรรม ชวดประกัน ‘แก๊งอุ้มบุญ ’ นอนคุก ตร.หิ้วฝากขัง แจ้ง 3 ข้อหา
ชวดประกัน ‘แก๊งอุ้มบุญ ’ นอนคุก อึ้งเด็กคลอดแล้วถูกอุ้มออกไปไม่ต่ำกว่า 50 ราย
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 ก.พ. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ควบคุมตัว 9 ผู้ต้องหาแก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ ตามหมายจับศาลอาญาลงวันที่ 16 ม.ค.63
ประกอบด้วย
นายเจ้า หราน อายุ 37 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาที่ 1 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 36/2563,
นางซูยิงถิง ภรรยาของนายเจ้า อายุ 48 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาที่ 2 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 37/2563,
นางวิลาสินี ซู อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านในซ.นาคนิวาส เขตลาดพร้าว ที่มีอุ้มบุญ-เด็กจากการตั้งครรภ์แทน ผู้ต้องหาที่ 3 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 38/2563,
น.ส.หล้า ขันติโย อายุ 43 ปี แม่บ้านของนายเจ้า หราน
ประกอบด้วย
นายเจ้า หราน อายุ 37 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาที่ 1 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 36/2563,
นางซูยิงถิง ภรรยาของนายเจ้า อายุ 48 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาที่ 2 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 37/2563,
นางวิลาสินี ซู อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านในซ.นาคนิวาส เขตลาดพร้าว ที่มีอุ้มบุญ-เด็กจากการตั้งครรภ์แทน ผู้ต้องหาที่ 3 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 38/2563,
น.ส.หล้า ขันติโย อายุ 43 ปี แม่บ้านของนายเจ้า หราน
ผู้ต้องหาที่ 4 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 39/2563, นายนิคม สิมารัตน์ อายุ 48 ปี คนขับรถรับ-ส่งหญิงรับจ้างตั้งครรภ์ ผู้ต้องหาที่ 5 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 40/2563, นายธรรมนูญ หรือต๋อง ปัญจสังคม อายุ 40 ปี คนขับรถรับ-ส่งหญิงรับจ้างตั้งครรภ์ ผู้ต้องหาที่ 6 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 41/2563, 7.น.ส.ศิญาพร หรือแขก สวัสดิ์พันธ์ อายุ 30 ปี แม่บ้านของนายเจ้า หราน ผู้ต้องหาที่ 7 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 42/2563,
น.ส.วิยะดา หรือหนิง เชื้อจันทร์ อายุ 35 ปี หน้านายแนะนำชักชวนแม่อุ้มบุญ ผู้ต้องหาที่ 8 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 43/2563, นางสายบัว แจ่มมี อายุ 44 ปี หน้านายแนะนำชักชวนแม่อุ้มบุญ ผู้ต้องหาที่ 9 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 45/2563
มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 14-25 ก.พ.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานบุคคลอีก 10 ปาก และรอผลการการชันสูตรเด็กจากโรงพยาบาล, การตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน, ข้อมูลการติดต่อทางโทรศัพท์ และการตรวจสอบประวัติลายพิมพ์มือของผู้ต้องหา
ซึ่งพนักงานสอบสวน ขอคัดค้านการให้ประกันตัวกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด จนกว่าคดีจะถึงที่สุดด้วยเนื่องจาก คดีมีอัตราโทษสูงประกอบพฤติกรรมการกระทำผิด ของผู้ต้องหาเป็นภัยต่อสังคม, เศรษฐกิจ และความมั่นคงของชาติหากปล่อยชั่วคราวไปเกรงว่าจะหลบหนี หญ้าแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดี
ทั้งนี้ ศาล พิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 9 รายได้ตามคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากที่ บก.ปคม. สนธิกำลังร่วมกับ บก.ตร.มหด.รอ.904, บก.ปอท., กก.สส.บก.น.5 บช.น., บก.ตม.3, สำนักงานอัยการสูงสุด, สำนักงาน ปปง., กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.), กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข และกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น (Operation) เป้าหมายกลุ่มนายทุนชาวจีนและนายหน้าชาวไทย ที่ได้ว่าจ้างหญิงไทยให้มารับจ้างอุ้มบุญ โดยเข้าตรวจค้นบ้านพักและบริษัทต่างๆ ที่เปิดไว้บังหน้า รวมถึงสถานที่พักอาศัยกลุ่มแม่อุ้มบุญ รวมจำนวน 10 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ, จ.ปทุมธานี, จ.สุโขทัย
ซึ่งสามารถจับกุม ผู้ต้องหารายสำคัญในขบวนการได้ทั้งหมด ทั้งชาวจีนและไทยตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 16 ม.ค.63 รวมจำนวน 9 ราย 1.นายเจ้า หราน อายุ 37 ปี สัญชาติจีน หนังสือเดินทางเลขที่ EF 1590125 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 36/2563 2.นางซูยิงถิง ภรรยาของนายเจ้า อายุ 48 ปี สัญชาติจีน หนังสือเดินทางเลขที่ ED4451809 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 37/2563 3.นางวิลาสินี ซู อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 38/2563, 4.น.ส.หล้า ขันติโย อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 39/2563,
5.นายนิคม สิมารัตน์ อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 40/2563, 6.นายธรรมนูญ หรือต๋อง ปัญจสังคม อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 41/2563, 7.น.ส.ศิญาพรหรือแขก สวัสดิ์พันธ์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 42/2563, 8.น.ส.วิยะดาหรือหนิง เชื้อจันทร์ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 43/2563, 9.นางสายบัว แจ่มมี อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 45/2563 ขณะที่ยังมีผู้ต้องหาอีกราย (ผู้ต้องหาที่ 10) ที่ตัวอยู่ต่างประเทศ
โดยมีการแจ้งข้อกล่าวหา รวม 3 ข้อหา 1.สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 4 -15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 80,000-300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5,25
2.ร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 มาตรา 24, 48
3.ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณา หรือไขข่าวให้แพร่หลายด้วยประการใดๆ เกี่ยวกับการตั้งครรภ์แทนว่ามีหญิงที่ประสงค์จะเป็นผู้รับตั้งครรภ์แทนผู้อื่น หรือมีบุคคลที่ประสงค์จะให้หญิงอื่นเป็นผู้รับตั้งครรภ์แทน ไม่ว่าจะได้กระทำเพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือไม่ก็ตาม มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท ตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ มาตรา 28, 49
โดยการจับกุมครั้งนี้ ยังสามารถตรวจยึดทรัพย์สิน ซึ่งอาจเป็นทรัพย์ที่แปรสภาพมาจากการฟอกเงินที่ได้จากการกระทำผิดอีกด้วย มีรถยนต์ 16 รายการ มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท และบ้านพัก-บริษัทของผู้ต้องหา ย่านลาดพร้าว 2 หลัง มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มของผู้ต้องหา มีทรัพย์สินอื่นๆ ที่จะได้ตรวจสอบและตรวจยึดอีกว่า 100 ล้านบาทด้วย
สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ" กระทรวงสาธารณสุข ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อ บก.ปคม. เกี่ยวกับการรับจ้างตั้งครรภ์แทนโดยผิดกฎหมาย มีลักษณะเป็นเครือข่ายขบวนการขนาดใหญ่ที่มีการกระทำผิดในลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ 2558 จึงดำเนินการสืบสวนสอบสวน จนทราบว่า มีกลุ่มนายทุนสัญชาติจีน เป็นหัวหน้าขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติ ได้จ้างคนไทยเป็นกลุ่มนายหน้าติดต่อแนะนำ-ชักชวน หญิงไทยมารับจ้างตั้งครรภ์แทน โดยจะได้รับค่าจ้าง ประมาณ 300,000–450,000 บาท/การตั้งครรภ์แทน 1 ครั้ง
หากหญิงไทยตกลงที่จะรับจ้างตั้งครรภ์แทน กลุ่มนายหน้าจะแบ่งหน้าที่กันทำงานพาหญิงไทยเดินทางไปปลูกฝังตัวอ่อน ที่คลินิกแห่งหนึ่งในประเทศลาวและประเทศกัมพูชา จากนั้นจะพามาฝากครรภ์และคลอดบุตรที่โรงพยาบาลในประเทศไทย แต่ในบางครั้งกลุ่มนายหน้าจะพาหญิงไทยเดินทางไปคลอดบุตรที่ประเทศจีน โดยกลุ่มนายหน้าจะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องเอกสารการคลอด, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมด หลังจากนั้นก็จะพาเด็กที่เกิดจากการรับจ้างอุ้มบุญ ไปส่งให้กับบุคคลที่อ้างว่าเป็นพ่อที่ประเทศจีน ขณะที่การตรวจสอบข้อมูลการเดินทางของเด็ก ที่ถูกส่งไปประเทศจีน ก็ไม่พบข้อมูลการเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทยอีก โดยเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด หญิงไทยที่รับจ้างตั้งครรภ์แทนจึงจะได้รับค่าตอบแทน
ซึ่งสืบสวนยังพบอีกว่า กลุ่มผู้กระทำความผิด เปิดบริษัทบังหน้าเพื่อปกปิดการกระทำความผิดในการจ้างหญิงไทยตั้งครรภ์แทนตั้งแต่ปี 2555 โดยพบข้อมูลหญิงที่รับจ้างตั้งครรภ์แทนจำนวนมาก กระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเบื้องต้นคาดว่ามีจำนวนไม่ต่ำกว่า 100 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้นำหญิงที่รับจ้างอุ้มบุญในเขต จ.ปทุมธานี มาสอบสวนขยายผล 8 ราย
จากที่มีการเชิญตัวหญิงไทย ซึ่งเป็นแม่อุ้มบุญ มาสอบปากคำ จำนวน 15 ราย โดยสามารถช่วยเหลือเด็กที่เกิดจากแม่อุ้มบุญ ได้จำนวน 2 คน (อายุ 4 เดือน และ 22 วัน) และพบว่ามีเด็กที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทน ที่มีการแจ้งเกิดและแจ้งรายชื่อเป็นผู้อาศัยอยู่ในทะเบียนบ้านของผู้ต้องหาด้วย 15 ราย (จาปฏิบัติการตรวจพบหญิงไทยที่รับจ้างตั้งครรภ์ จำนวน 22 ราย) ส่วนเด็กที่คลอดมาแล้วตรวจสอบพบว่า ถูกอุ้มออกไปเบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 50 ราย
ทั้งนี้ บก.ปคม.ประชาสัมพันธ์ ให้หญิงไทยที่เคยรับจ้างอุ้มบุญมาแล้ว เข้ามาให้ข้อมูลกับ บก.ปคม. โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนของ บก.ปคม. โทร.1191 หรือ เฟซบุ๊กเพจของกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เฟซบุ๊ก ATPDPOLICE
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดศาลสอบผู้ต้องหาทั้ง 10 แล้ว ไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น