ศาลอุทธรณ์ยืนคุกตลอดชีวิต เล่าต๋า-เมีย ราชายานรก ประหารชีวิตลูกชาย
อัยการฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.-11 ต.ค.2559 นายเล่าต๋า, นางอาส่ามา และนางรพีกาญจน์ จำเลยที่ 1-3 มียาไอซ์ 1 ถุง หนักกว่า 900 กรัม ซึ่งนำมาจำหน่ายให้กับสายลับ ราคา 550,000 บาท ที่นายเล่าต๋า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ติดต่อเจรจาซื้อขายยา
ส่วนนายวิจารณ์ และนายบารมี จำเลยที่ 4-5 เป็นผู้จัดหายาไอซ์ ชนิดผลึกสีขาว จำนวน 20 ถุง หนักประมาณ 19 กิโลกรัมเศษ จำหน่ายให้แก่สายลับที่เข้าล่อซื้อราคา 11 ล้านบาท โดยที่นายวิจารณ์ กับนายบารมี ยังทำหน้าที่คุ้มกันให้นายเล่าต๋า ระหว่างส่งมอบยาเสพติดด้วย ซึ่งระหว่างที่ถูกจับกุมนายเล่าต๋า จำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนสั้นและปืนยาว รวม 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก
เหตุเกิดที่ปั๊มน้ำมัน "เล่าต๋า ปิโตรเลียม" เลขที่ 137 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ชั้นสอบสวนนายเล่าต๋าและนางอาส่าหม่า ภรรยา ให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเท่านั้น ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ ขณะที่นางรพีกาญจน์ ให้การรับสารภาพโดยตลอด ส่วนนายวิจารณ์ รับสารภาพเฉพาะข้อหากระทำผิดพ.ร.บ อาวุธปืนฯ เท่านั้น และนายบารมีที่ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 5 ล้าน รับสารภาพเหลือ 25 ปี ปรับ 2.5 ล้านบาท ส่วนจำเลยที่ 3 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 5 ล้านบาท ส่วนจำเลยที่ 4 ให้ประหารชีวิต และฐานพาอาวุธปืน ปรับ 1,000 บาท การที่จำเลยที่ 4 เป็นเจ้าพนักงานของรัฐให้บวกโทษจำคุกอีก 3 เท่า เมื่อลงโทษประหารชีวิตแล้ว จึงไม่อาจบวกโทษให้สูงไปกว่านี้ได้ ส่วนจำเลยที่ 5 ให้ประหารชีวิต
ต่อมาจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้ศาลลดโทษ และจำเลยที่ 3, 4, 5 อุทธรณ์ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำความผิด ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่อุทธรณ์ยอมรับโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัว นายเล่าต๋า, นายวิจารณ์, นายบารมี จากเรือนจำกลางบางขวาง ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง และนางรพีกาญจน์มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง จำเลยทั้งหมดเพื่อฟังคำพิพากษา นายเล่าต๋ามีสีหน้าหมองคล้ำ ซูบผอม ส่วนจำเลยอื่นพูดแต่ภาษาจีนกับญาติที่มาฟังคำพิพากษา
เห็นว่า เมื่อระหว่างเดือนเม.ย.-ต.ค.2559 ตำรวจชุดจับกุมและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. สืบทราบว่า จำเลยที่ 3 เป็นเครือข่ายจำเลยที่ 1 มีหน้าที่เป็นนายหน้าหาลูกค้ามาให้โดยกินค่านายหน้าเป็นเปอร์เซนต์กันมานาน จึงวางแผนให้ ด.ต.หญิง (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ปลอมตัวเป็นสายลับ ไปเจรจาขอซื้อยาไอซ์สีขาวจำนวน 949.55 กรัม ราคา 5.5 แสนบาทในเดือนต.ค.2559 ที่สถานีบริการน้ำมันเล่าต๋า ตั้งอยู่ที่ ม.12 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
และจำเลยที่ 3 พาไปรู้จักกับนายเล๋าต๋า ตกลงซื้อขายกันโดยส่งมอบธนบัตรที่ทำตำหนิประกอบกับเจ้าหน้าที่มีการวางแผนการจับกุม มีการบันทึกภาพขั้นตอนการซื้อขายเป็นลำดับ เมื่อได้ซื้อขายกันรอบแรกแล้ว วันที่ 11 ต.ค.2559 ด.ต.หญิง สายลับจึงทำทีขอซื้อยาไอซ์จำนวนที่ 2 หนัก 18.8 กก. ราคา 11 ล้านบาท
ด.ต.หญิง จึงแสดงตัวเข้าจับกุมตัวได้พร้อมยาไอซ์ ขณะนั้นนายเล่าต๋านั่งอยู่หน้าร้านกาแฟภายในสำนักงานของสถานีบริการน้ำมันเพื่อกำกับดูแลการค้าขาย ตำรวจจึงเข้าจับนายเล่าต๋าเเละได้พาไปค้นที่รถพบอาวุธปืน โดยจำเลยรับสารภาพในชั้นสอบสวน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานโจทก์เจ้าพนักตำรวจมีการวางแผนติดตามเฝ้าดูพฤติกรรมของกลุ่มนายเล่าต๋ามานาน จนวางแผนเป็นขั้นตอน ประกอบกับไม่เคยรู้จักหรือโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุกลั่นแกล้ง ข้อต่อสู้ของพวกจำเลยเกี่ยวกับอาวุธปืน เป็นข้ออ้างลอย ๆ ศาลเชื่อว่า เป็นปืนที่ใช้คุมกันการค้ายาเสพติด
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย จึงพิพากษายืน ตามศาลชั้นต้น