หวั่น ผู้กองขจร ความดันพุ่ง-ช็อกอีก เชื่อมีเหตุผลที่ยื่นปืน ให้เสมียนทนาย

เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ผู้สื่อข่าวยังคงติดตามความคืบหน้าคดี พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทิพย์ อดีตจเรตำรวจ ชักปืนพกสั้นยิงทนายและโจทย์ เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 2 ราย ก่อนที่ พล.ต.ต. ธารินทร์ จะมาถูก นายธนากร ธีรวโรดม เสมียนทนายโจก์ นำปืนจาก ร.ต.อ. ขจร บรรจง รอง สวป.ปฏิบัติงานตำรวจศาลมายิงใส่จนเสียชีวิต เกิดขึ้นหน้าบัลลังก์ห้องพิจารณาคดีศาลจังหวัดจันทบุรี

โดยบรรยากาศตอนนี้บรรดาตำรวจร่วมรุ่นและเพื่อนสนิทของ ร.ต.อ. ขจร ได้มีการจับกุมพูดคุยถึงเรื่องนี้ตลอดเวลา ซึ่งให้ข้อมูลว่าก่อนหน้าที่ ร.ต.อ.ขจร จะมาปฏิบัติงานตำรวจศาล เคยปฏิบัติหน้าที่ในสังกัด บก.ภ.จว.จันทบุรี พักอาศัยกับภรรยาที่บ้านพักตำรวจตั้งอยู่ด้านหลังโรงพักเมืองจันทบุรี ภรรยาประกอบอาชีพขายขนมหวานที่ตลาดในเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี

นิสัยส่วนตัวของ ร.ต.อ. ขจร นั้นพบว่ามีอัธยาศัยดีเป็นที่รักของเพื่อนตำรวจและญาติพี่น้อง ปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่ ไม่มีประวัติด่างพร้อย ก่อนจะย้ายมาดำรงตำแหน่ง รอง สวป.ปฏิบัติงานตำรวจศาล แต่มีโรคประจำตัวคือเป็นโรคความดัน เคยกำเริบหนักถึงขั้นช็อกวูบหมดสติในระหว่างทำงานจนต้องเข้ารับการรักษาอาการป่วยนานเกือบสัปดาห์ โดยนับตั้งแต่เกิดเรื่องไม่มีใครได้เจอ ร.ต.อ.ขจร อีกเลย ซึ่งผู้บังคับบัญชาชี้แจงว่าได้พาไปพักฟื้นเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ มีคนคอยดูแลใกล้ชิด

พร้อมกันนี้ยังได้สั่งให้เก็บอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด โดยเฉพาะโทรศัพมือถือ วิทยุสื่อสาร หรือสื่ออื่นๆ เพื่อให้ ร.ต.อ.ขจร ไม่ต้องเสพข่าวสารต่างๆ จะได้พักผ่อนเต็มที่ฟื้นฟูสภาพจิตใจ ไม่วิตกจริตกังวล เนื่องจากเกรงว่าหากปล่อยให้มีความเครียด อาจจะส่งผลทำให้โรคความดันกำเริบหรืออาจจะคิดสั้นทำร้ายตัวเองได้

ในส่วนที่มีการนำเสนอข่าวและเผยแพร่คลิปภาพของ ร.ต.อ. ขจร ที่ยื่นปืนให้กับเสมียนทนายไปยิง พล.ต.ต.ธารินทร์ จนเสียชีวิตนั้น ทั้งผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานไม่ขอแสดงความคิดเห็นจะปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการสอบสวน แต่ทุกคนเชื่อว่า ร.ต.อ. ขจร น่าจะมีเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่งที่อาจเกี่ยวกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าหรือจากโรคประจำตัว จึงได้ตัดสินใจทำไปอย่างนั้น