ย้อนฟังคำสัมภาษณ์ ชัยวัฒน์ อดีต หน.อุทยานฯ ก่อนโดนหมายจับคดีอุ้มฆ่าบิลลี่
หลังจากบิลลี่หายตัวไป ชัยวัฒน์บอกว่าเขา "โดนฤทธิ์ของบิลลี่" ทำให้ถูกย้ายไปเป็นผู้อำนวยการส่วนต้นน้ำปราจีนบุรี เมื่อปี 2557 จากนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่าหรือที่รู้จักกันว่า "หน่วยฯ พญาเสือ" ก่อนจะถูกตั้งให้เป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 (อุดรธานี) แล้วย้ายมาเป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ตั้งแต่ ต.ค. 2561 จนถึงปัจจุบัน โดยเป็นที่ปรึกษาหน่วยฯ พญาเสือด้วยอีกตำแหน่ง
"ผมยังคงดูแลเรื่องทรัพยากรป่าไม้อยู่" เขาบอก พร้อมกับชื่นชมนโยบายของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคนใหม่
"ท่านรัฐมนตรีมีนโยบายชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องให้ความเป็นธรรมกับชุมชน คนที่อยู่ในป่าอย่างถูกต้อง มีหลักฐานชัดว่าอยู่มาก่อน (ประกาศเป็นเขตป่าอนุรักษ์) ต้องได้อยู่และได้ทำกิน อันนี้ผมชอบนะ แต่คนไหนที่บุกรุก เข้ามาอยู่ทีหลัง ต้องดำเนินการโดยเด็ดขาด นี่เป็นนโยบายที่ให้ความเป็นธรรมทั้งกับป่าและคนที่อยู่ในป่ามาก่อน"
สองคดีที่อยู่ในความสนใจของสังคม คือ คดีที่เขาตกเป็นจำเลยร่วมในคดีจ้างวานฆ่านายทัศน์กมล โอบอ้อม อดีตผู้สมัครส.ส. พรรคเพื่อไทย จ.เพชรบุรี และแกนนำในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับกลุ่มกะเหรี่ยงบางกลอย เมื่อปี 2554 ซึ่งชัยวัฒน์ระบุว่าศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้พิพากษายกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานไม่มีน้ำหนักเพียงพอและขณะนี้คดีสิ้นสุดแล้ว
จากประสบการณ์ 6 ปีที่เป็นหัวหน้าอุทยานแห่งนี้ ชัยวัฒน์บอกว่าป่าแก่งกระจาน "เป็นที่ลึกลับและมีผลประโยชน์เยอะมาก" ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นที่มาของความพยายามที่จะให้เขาถูกย้ายออกจากพื้นที่มาโดยตลอด
เขายอมรับด้วยว่า คดีการหายตัวไปของบิลลี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อุทยานฯ แก่งกระจานไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ผ่านมา
"แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าสถานะการเป็นมรดกโลกไม่ได้สำคัญมากเท่ากับว่าเราต้องอนุรักษ์ป่าผืนนี้ไว้ให้ได้"
ชัยวัฒน์รับราชการมาแล้ว 30 ปี ยังเหลืออายุราชการอีก 5 ปี เขายอมรับว่ารู้สึก "เบื่อ" หลังจากพบปัญหาในการทำงานมากขึ้น
"ผมก็เบื่อนะ เจ้าหน้าที่คนอื่นเขาไม่มีเรื่องหรอก เพราะคนที่จะกล้าทำกล้าชน ก็มีแต่เรานั่นแหละ พอทำไปแล้วเจอผู้มีอิทธิพล นักการเมือง ข้าราชการระดับสูง มันก็เป็นอย่างนี้ละครับ ชีวิตข้าราชการ ถ้าจะสู้ก็ต้องยอมบาดเจ็บ ผมอยากให้ชีวิตผมเป็นตัวอย่างว่า ข้าราชการถ้าสู้แล้วต้องเจอแบบนี้ ก็คงไม่เหลือใครทำงาน เรื่องที่ผมโดนทั้งหมดมันเป็นเรื่องงานทั้งหมด ไม่มีเรื่องส่วนตัว" เขาทิ้งท้าย