ปู่ฤาษี ขืนใจลูก ไม่กล่าวคำลาสิกขา ตั้งทนายสู้ บอกใครทำแบบนั้นก็ชั่วยิ่งกว่าหมา
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 พ.ย. พ.ต.ท.ประภาส ทองคำภา รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ศรีวิไล ร.ต.อ.เสกสรรค์ นาห่อม รอง สว.(สอบสวน) เจ้าของคดีรวบรวมหลักฐาน นำตัวไปเสนอขอฝากขังที่ศาลจังหวัดบึงกาฬ โดยก่อนจะนำตัวไปฝากขัง ศาลสั่งให้นำพระไพบูล ไปลาสิขากับพระครูโอภาส ธรรมรส เจ้าอาวาสวัดป่าโชติรสธรรมากร ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองบึงกาฬ เป็นผู้ปกครองสงฆ์โดยตรง โดยพระไพบูลย์ ยังขอยืนยันในความบริสุทธิ์อยู่ โดยขอนุ่งห่มขาวแต่ไม่ยอมกล่าวคำลาสิขา โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบึงกาฬ เป็นสักขีพยานในครั้งนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะจะเดินไปขึ้นรถยนต์ที่ลูกศิษย์ขับมารับท่ามกลางการควบคุมของตำรวจอย่างใกล้ชิด ปู่ฤๅษีไพบูล ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า
"ที่ยังไม่ยอมกล่าวคำลาสิกขานั้น เพราะว่าตัวเองบริสุทธิ์ไม่ได้ข่มขืนลูกสาวตามที่ญาติๆ ภรรยาเก่ากล่าวหา ถ้าคนทำอย่างนั้นกับลูกสาวของตัวเอง มันก็ชั่วยิ่งกว่าหมานั่นแหละ" จากนั้น ก็ยกฝ่ามือขึ้นมาเหนือหน้าอกบอกว่าไม่พูดอะไรอีก แล้วเปิดประตูขึ้นรถไป
ด้านนายศุภลักษณ์ สายยงค์ ลูกศิษย์ที่คอยนำรถมารับ-ส่ง ตอบคำถามแทนปู่ฤๅษีว่า ท่านยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะญาติอดีตภรรยาหาเรื่องใส่ร้ายให้เสียหาย อาจเป็นเพราะโกรธที่ทิ้งกันมานานแล้วหนีมาบวช แต่ปู่ฤๅษีเคยเล่าให้ฟังว่า ญาติฝ่ายภรรยารังเกียจ เพราะท่านเป็นคนฐานะยากจนและเป็นชาวนา จึงถูกขับไล่ออกจากบ้านมาจึงหนีมาบวชเป็นพระ เรื่องนี้ผู้ใหญ่ทะเลาะกัน เอาเด็กมาเป็นเครื่องมือจึงเกิดปัญหาขึ้นมา เกี่ยวกับคดีก็ได้แต่งตั้งทนายขึ้นมา เพื่อต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรม และเพื่อพระศาสนา
จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวพระไพบูล ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดบึงกาฬ โดยทางคณะลูกศิษย์ลูกหา เตรียมหลักทรัพย์เป็นเงินสดกว่า 250,000 บาท ไว้ประกันตัวพระไพบูล ในชั้นศาล ทั้งนี้ ยังสามารถรอยื่นประกันตัวในชั้นศาลหลังขอฝากขัง เพื่อรอพิจารณาคดี
สำหรับการดำเนินคดีนั้น ทางตำรวจมีระยะเวลารวบรวมหลักฐาน สรุปสำนวนส่งฟ้องต่ออัยการ ในห้วงตามระยะเวลาฝากขัง ทั้งหมด 7 ผัด ผัดละ 12 วัน รวม 84 วัน ทั้งนี้ ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และตั้งทนายความต่อสู้คดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป