จะฆ่าหรือโยม! แฉอดีตกรรมการวัดเสียผลประโยชน์นำยาฆ่าหญ้าใส่ถังน้ำ วัดหนองเข้
พระครูพิศาลอุทัยกิจ ได้เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาน้ำบาดาลที่ใช้สอยในวัดหนองเข้ อยู่ๆ ก็มีกลิ่นสารเคมีคล้ายกับยาฆ่าหญ้ามาเจือปนกับน้ำ พระภิกษุภายในวัดและญาติโยมที่มาร่วมกันทำบุญที่วัดได้ใช้น้ำบาดาลทั้งใช้กินและอาบน้ำ รวมถึงใช้ล้างหน้าแปลงฟัน โดยมีโยมคนหนึ่งเป็นโยมผู้หญิงที่มาช่วยงานวัดเป็นประจำแล้วเกิดร้อนขึ้นมาจึงไปอาบน้ำในห้องน้ำของทางวัด หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วโยมผู้หญิงคนนั้นก็มีอาการเป็นตุ่มขึ้นและมีอาการแพ้อย่างรุนแรง จนต้องนำส่งโรงพยาบาลอำเภอสว่างอารมณ์
"ในตอนนี้อาการของโยมก็ยังไม่ดีขึ้น หากอาการไม่ดีขึ้นทางแพทย์ที่รักษาอยู่ก็จำเป็นต้องส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจังหวัดอุทัยธานี โดยโยมผู้หญิงที่มีอาการแพ้นั้นเป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว พออาบน้ำแล้วก็มีตุ่มคันและตุ่มใสๆ ขึ้นตามร่มผ้าตามร่างกายเต็มไปหมด รวมถึงพระลูกวัดที่ใช้น้ำล้างหน้าและแปรงฟันก็มีอาการแพ้แต่เคราะห์ดีที่น้ำนั้นมีกลิ่นยาฆ่าหญ้าอย่างรุนแรง จึงรีบนำน้ำขวดหรือน้ำดื่มที่มีอยู่ในวัดล้างออกทัน แต่พระบางองค์ก็มีอาการทางเยื่อบุตาอักเสบเพราะใช้น้ำที่พระครูพิศาลอุทัยกิจ เชื่อว่าต้องมีใครมาวางยาในวัด" พระครูพิศาลอุทัยกิจ กล่าว
พระครูพิศาลอุทัยกิจ กล่าวต่ออีกว่า สาเหตุที่เชื่อว่าต้องมีคนมาวางยาฆ่าหญ้าไว้ในวัดนั้นก็เพราะก่อนหน้านั้นทางวัดหนองเข้ ขาดแคลนน้ำใช้อุปโภคบริโภคอย่างมากจึงได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ขอรถเจาะบ่อบาดาลจากสมาคมชาวไร่อ้อยอุทัยธานี มาเจาะบ่อบาดาลให้เมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนและน้ำนั้นใสมากและสะอาดจนดื่มได้ใช้มาตลอดไม่มีปัญหาอะไร น้ำบาดาลที่เจาะนั้นคุณภาพน้ำดีมากจนเป็นที่พอใจทางวัด
แต่พอมาถึงช่วงวันที่ 7-9 ตุลาคมที่ผ่านมาก็มีคนมีอาการแพ้น้ำอย่างรุนแรงจนต้องนำตัวไปรักษาตัวเพราะมีอาการรุนแรงขึ้น และอีกประเด็นที่มั่นใจก็คือทางวัดได้ไปขัดผลประโยชน์ทางกรรมการวัดชุดเก่า เพราะทางวัดและกรรมการวัดน้ำมีปากเสียงกันมาเป็นระยะเวลานานมากเกือบ 20 ปี จนมาถึงปัจจุบันทางกรรมการวัดชุดเก่าก็ยังคงหวังผลประโยชน์ของทางวัด จึงวางแผนที่นำยาฆ่าหญ้ามาใส่ในถังน้ำในวัดที่มีถังพักน้ำอยู่ 3 ใบใกล้กับบ่อบาดาลและอีก 2 ถังอยู่บริเวณหลังศาลาวัด ซึ่งขณะนี้ได้ตัดท่อที่มีน้ำปนเปื้อนกับยาฆ่าหญ้าหมดเพื่อป้องกันอันตราย แต่ยังคงเก็บน้ำที่มีสารปนเปื้อนไว้ 5 ถังพักน้ำเพื่อเป็นหลักฐานและน้ำถังน้ำมาเพิ่มอีกหนึ่งใบเพื่อมาใช้สำรองไปก่อน
"ที่ผ่านมาอาตมาได้เข้าไปบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอสว่างอารมณ์ ไว้แล้ว และยังนำตัวอย่างน้ำไปร้องกับทางอำเภอสว่างอารมณ์ เพื่อขอให้ตรวจสารปนเปื้อนในน้ำและขณะนี้ได้ดำเนินการนำน้ำที่เชื่อว่าปนเปื้อนกับยาฆ่าหญ้าส่งไแปตรวจยังจังหวัดนครสวรรค์ และยังเดินทางไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุทัยธานีเพื่อร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ไว้แล้ว เพื่อให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีรับทราบและขอให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่างและชัดเจนว่าใครที่ไม่หวังดีนำยาฆ่าหญ้ามาใส่ในถังน้ำเพื่อหวังจะลอบฆ่าพระทั้งวัดกล่าว" พระครูพิศาลอุทัยกิจ กล่าว