ตม.ปัดรู้เห็น เสี่ยท็อป ไปฮ่องกง ชี้ยังเดินทางได้ปกติ
ทั้งนี้ สำหรับวิธีปฏิบัติและระเบียบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในการดูแลผู้ที่จะเดินทางเข้าออกประเทศ ทั้งชาวไทยและต่างชาติ มีวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นมาตรฐานสากล โดยผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศจะต้องผ่านการตรวจสอบหนังสือเดินทาง หรือวีซ่าประเทศปลายทาง ซึ่งในเอกสารหลักฐานดังกล่าวจะมีการระบุชื่อ วันเดือนปีเกิด รวมถึงเลขบัตรประชาชนอย่างชัดเจน และปัจจุปันสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีระบบไบโอเมตทริก หรือเครื่องตรวจข้อมูลทางชีวภาพ มาใช้ในการตรวจสอบผู้ที่ผ่านเข้าออกประเทศแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของใบหน้าและลายพิมพ์นิ้วมือ ซึ่งจะทำให้ทราบที่ไปที่มาของบุคคลใดดังกล่าวได้ แต่ถ้าหากบุคคลใดที่ยังไม่ถูกออกหมายจับหรือถูกขึ้นแบล็คลิสไว้ระบบ ยอมรับว่าระบบจะไม่แจ้งเตือนว่าเป็นบุคคลต้องห้าม รวมถึงกรณีมีการเปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง แต่ถ้าไม่ใช่บุคคลตามหมายจับ ระบบก็จะไม่แจ้งเตือน ดังนั้น การเดินทางเข้าออกประเทศของ นายท็อป หรือเสี่ยกำมะลอ จึงเป็นไปตามปกติ ของการเดินทางเข้าออกประเทศ ซึ่งในอนาคตหาก นายท็อป มีหมายจับของศาล ทาง สตม.เองก็จะสามารถตรวจสอบได้ พร้อมประสานตำรวจสากลหรือประเทศปลายทางเพื่อให้ตรวจสอบที่พำนักอาศัยได้ โดยขณะนี้ นายท็อป มีประเทศปลายทางที่ฮ่องกง จะสามารถอยู่ในฮ่องกงได้ 30 วัน จากนั้นมี 2 ทางเลือก คือจะเดินทางต่อไปประเทศที่สามหรือกลับประเทศไทย ก็สามารถทำได้
รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันว่า การเดินทางออกนอกประเทศของเสี่ยท็อป เจ้าหน้าที่ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ แต่ปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนของกฏหมาย ซึ่งไม่สามารถไปกักกันหรือควบคุมตัวได้เพราะถือว่า นายท็อปยังเป็นผู้บริสุทธิ์ที่สามารถเดินทางไปไหนได้ทั่วโลก