จับหนุ่มฉุนแฟนสาว ปวส.บอกเลิก บุกห้องทำร้าย-จุดไฟเผาทั้งเป็นจนป่วยติดเตียง
พ.ต.อ.เนติ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2545 เกิดเหตุคนร้ายใช้ของแข็งตีเข้าที่กกหูข้างซ้าย และจุดไฟเผาทั้งเป็นนักศึกษาสาว ปวส.ชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยพาณิชย์แห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ทราบชื่อผู้บาดเจ็บในเวลาต่อมาคือ น.ส.วรร (นามสมมติ) ขณะนั้นอายุ 20 ปี เหตุเกิดที่หอพักแห่งหนึ่งหลังถนนสายอ้อมค่ายวชิราวุธ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นอกจากนี้คนร้ายยังหยิบเอาเงินสด 4,500 บาท และทองรูปพรรณของผู้เสียหาย มูลค่ากว่า 20,000 บาท ก่อนหลบหนีไป
พ.ต.อ.เนติ กล่าวต่อว่า ผู้เสียหายมีบาดแผลถูกไฟเผาตามตัว บาดเจ็บสาหัส กลายเป็นผู้พิการป่วยติดเตียง แขนขาลีบ ไม่สามารถสื่อสารได้ โดยมีแม่วัย 63 ปีเป็นผู้ดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำ และพาไปรักษาตัว ทำกายภาพบำบัดจนเวลาผ่านไป 6 เดือน ผู้เสียหายจึงสามารถให้การได้ว่าคนก่อเหตุคือ นายคำรณ หรือ บังหนิด ซึ่งเป็นแฟนเก่าที่โกรธแค้นเพราะผู้เสียหายขอแยกทาง
นอกจากนี้พนักงานสอบสวนยังสอบปากคำพยานรายหนึ่ง ทราบว่าวันเกิดเหตุเห็นนายคำรณ ขี่รถจักรยานยนต์มาหาผู้เสียหายที่หอพัก ก่อนได้ยินเสียงทะเลาะกัน สักพักก็เงียบไป จากนั้นก็เห็นนายคำรณ รีบขี่รถออกไปจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมหลักฐานเสนอศาลขออนุมัติออกหมายจับ และสามารถตามจับกุมตัวได้
พ.ต.อ.เนติ กล่าวอีกว่า ระหว่างนั้นปรากฏว่าพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีลาออก ทำให้ส่งฟ้องไม่ทัน ผู้ต้องหาจึงหลบหนีมานานกว่า 17 ปี กระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แม่ผู้เสียหายข้าร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ และมาร้องเรียนที่กองปราบปรามให้ช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้มาดำเนินคดี เพราะคดีใกล้จะหมดอายุความ
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงลงพื้นที่หาข่าว จนทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปพักอาศัยอยู่กับญาติในหลายจังหวัด ไม่ทำบัตรประชาชน และไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ ล่าสุดทราบว่าหนีไปขายพริกแกงใต้อยู่กับญาติที่ตลาดเทศบาลหนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ปัจจุบันมีภรรยาและลูกชาย 1 คน จึงวางแผนเข้าจับกุมดังกล่าว เบื้องต้นสอบสวน นายคำรณยังให้การปฏิเสธ จึงนำตัวส่ง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้านแม่ผู้เสียหาย กล่าวหลังทราบข่าวตำรวจตามจับกุมคนร้ายก่อเหตุทำร้ายลูกสาวได้ ว่า ต้องขอขอบคุณ พล.ต.ต.จิรภพ และพ.ต.อ.เนติ ที่ตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ เพราะเวลาผ่านมา 17 ปี แต่ผู้ต้องหายังลอยนวล ที่ผ่านมาตนเคยร้องเรียนไปตามหน่วยงานต่างๆ หลายแห่ง แต่เรื่องก็เงียบทุกครั้ง เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทั่งกองปราบฯ เข้าจับกุมได้ดังกล่าว ซึ่งตนได้รีบบอกกับลูกสาวว่า ตำรวจจับคนทำร้ายลูกได้แล้วนะ ลูกสาวก็แสดงสีหน้าดีใจและมีน้ำตาซึมออกมาทันที