บุกช่วยเด็ก 13 ถูกพ่อจับล่ามโซ่กับต้นมะขาม อ้างเพราะป่วยลมชัก-สมาธิสั้น
เมื่อถึงบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้พบกับแม่เลี้ยงของเด็ก นางภรนภัส นุ่นมี อายุ 47 ปี ก่อนที่แม่เลี้ยงของเด็กจะนำเจ้าหน้าที่ไปยังต้นมะขามขนาดใหญ่ห่างจากบ้านประมาณ 10 เมตร จึงได้พบเด็กซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเปลโดยมีโซ่ผูกบริเวณข้อเท้าไว้กับต้นไม้ แต่พอเจ้าหน้าที่เดินเข้าไปใกล้ เด็กกลับไปหลบซ่อนหลังต้นไม้ พูดจาซ้ำไปซ้ำมาเป็นสำเนียงทางนครฯ เมื่อถามว่าให้เอาโซ่ออกให้มั้ย เด็กก็บอกว่าให้เอาออกเพราะพ่อผูกขาให้ติดกับต้นไม้ โดยจากการตรวจสอบยังพบกะละมังใบเล็กพร้อมช้อน คาดว่าเป็นภาชนะใส่ข้าวให้เด็กกิน
ทางตำรวจจึงได้เชิญพ่อของเด็ก นายกิติศักดิ์ ไผ่บุญจันทร์ อายุ 37 ปี ซึ่งนอนพักอยู่ภายในบ้านให้นำกุญแจไปปลดโซ่ออก โดยพ่อของเด็ก เล่าว่า เมื่อแรกเกิดไม่นานน้องน็อต (นามสมมติ) มีอาการลมชัก จากนั้นมาก็มีพฤติกรรมอยู่ไม่นิ่งคล้ายคนสมาธิสั้น เคยพอไปหาหมอเพื่อรักษา แต่ก็ไม่ได้รักษาต่อเนื่อง ระยะหลังพฤติกรรมของลูกคือชอบวิ่งหนีไปไกล ต้องคอยตามกลับบ้าน ตัวเองไม่มีเวลาเนื่องจากต้องทำงาน ด้วยความเป็นห่วงกลัวลูกได้รับอันตราย จึงนำลูกมาผูกไว้กับต้นมะขามช่วง 08.00 - 14.00 หลังจากนั้นจะนำมาผูกไว้ในบ้าน แต่ก็ให้ลูกกินข้าวครบ 3 มื้อ
หลังจากนั้น ทางตำรวจจึงมีการเชิญตัวนายกิติศักดิ์ ไปสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมตรวจสอบสภาพร่างกายของน้องน็อตว่ามีอาการบาดเจ็บด้วยหรือไม่ แต่เมื่อเดินทางมาถึงโรงพัก มีจังหวะที่น้องน็อตดิ้นหลุดมือตำรวจมุ่งตรงไปที่ถังขยะแล้วเก็บอาหารเหลือกิน เจ้าหน้าที่จึงดึงน้องออกมาและเตรียมหาอาหารไว้ให้
พ.ต.อ.ประสิทธิ์ ดำกระบี่ ผกก.สภ.ควนกาหลง ได้บอกว่า จากคำบอกเล่าของพ่อเด็ก พบว่ามีความจำเป็นต้องทำเพราะกลัวลูกจะได้รับอันตราย ซึ่งจากพฤติกรรมของเด็ก ก็เชื่อได้ว่าน่าจะมีความผิดปกติทางร่างกายและสมอง แต่ในทางคดีคงต้องดูฐานความผิดกันอีกครั้ง
ส่วนทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล ก็ได้บอกว่า ทางพ่อเด็กก็พยายามหาวิธีรักษาลูกแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะพาไปที่ไหน จึงเลือกวิธีการล่ามโซ่ไว้ ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดกฏหมาย แต่เชื่อว่าถ้าเด็กได้รับการรักษาที่ถูกต้องและต่อเนื่องจะมีอาการที่ดีขึ้น หลังจากนี้จะให้น้องน็อตไปอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กจังหวัดสตูลก่อนเข้ารับการรักษา เนื่องจากพ่อแม่ไม่มีความสามารถในการดูแลเด็กได้